Phoenix เรื่องเล่าสัตว์ในตำนาน

     หากพูดถึงเรื่องของนกฟีนิกซ์เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะนกชนิดนี้มีตำนานเล่าขานต่อๆกันมามากมายหลาย Phoenix เรื่องเล่าสัตว์ใน ตำนานเลยทีเดียวและคนรุ่นใหม่อาจจะรู้จักนกฟีนิกซ์นี้ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ชื่อดังอย่าง Harry Potter เนื่องจากว่าเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้ในหลายตอนอีกด้วย

       สำหรับนกชนิดนี้นั้นเป็นสัตว์ที่มีความพิเศษเรียกได้ว่าเป็นเทพปกรณัมที่ได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างมากเป็นสัตว์ในตำนานที่ว่ากันว่ามีการปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้งในหลายประเทศและในหลายวัฒนธรรมซึ่งถ้าหากไปศึกษาข้อมูลให้ดีจะเห็นว่าแต่ละวัฒนธรรมนั้นมีความแตกต่างกันและมีความคล้ายคลึงกันบางรายละเอียดนั่นเอง 

      อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างกันบ้างแต่สิ่งที่คล้ายคลึงกันมากที่สุดเกี่ยวกับนกฟีนิกซ์นั้นก็คือนกชนิดนี้ว่ากันว่าเป็นนกที่เป็นอมตะและไม่สามารถที่จะตายได้เมื่อใดก็ตามที่มันถึงช่วงเวลาที่มันจะต้องตายมันจะจุดไฟเผาตัวมันเองหลังจากนั้นมันก็จะสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้เรียกว่านี่คือคุณสมบัติโดดเด่นของนกฟินิกซ์เลยทีเดียว 

     ในบางวัฒนธรรมจะมีการเรียกเป็นชื่ออื่นก็ตามเรื่องราวของอียิปต์โบราณคัมภีร์แห่งเวทมนต์เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า Book of dead ที่กล่าวถึงนกยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายนกฟีนิกซ์   

       สำหรับเรื่องราวของนกฟีนิกซ์นะมีการพูดถึงตั้งแต่ในสมัยโบราณทั้งในเรื่องของอียิปต์และของกรีกโบราณเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามหากพูดถึงวัฒนธรรมของชาวอียิปต์แล้วได้มีการพูดถึงนกชนิดนี้ว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และแน่นอนว่าจะต้องมีความเกี่ยวพันกับเทพเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพเจ้าแห่งไฟ

        โดยมีการเล่าขานกันถึงนกชนิดนี้ว่าขนของมันนั้นมีลักษณะคล้ายกับเปลวไฟและเมื่อใดก็ตามที่มันหมดอายุขัยลงมันจะสามารถกลับมาได้ใหม่โดยไม่ได้เป็นลักษณะของตายแล้วเกิดใหม่แต่มันจะฟื้นคืนชีพด้วยตัวของมันเองนั่นก็คือมันจะต้องทำการบินไปยังมหานคร harris หลังจากนั้นก็ทำการจุดประกาศเริ่มต้นของชีวิตใหม่ขึ้นมา 

          ในฝั่งของทางกรีกโบราณนั้นมีการพูดถึงนกวิเศษนี้ด้วยเช่นเดียวกันโดยกล่าวว่านกฟีนิกซ์นั้นเป็นนกชนิดหนึ่งที่มีอายุมากกว่า 500 ปีมาแล้วและผู้คนมักจะสามารถติดตามเรื่องราวของนกชนิดนี้ได้จากวรรณกรรมของกรีกโบราณที่ชื่อว่า account Of Egypt

        อย่างไรก็ตามเรามักจะเห็นวรรณกรรมของยุโรปหลายเรื่องที่มีเรื่องเล่าขานพูดถึงนกฟีนิกซ์ ซึ่งมีข้อมูลแพร่หลายในวัฒนธรรมต่างๆโดยมีการเรียกชื่อที่แตกต่างกันไปและยังเป็นเรื่องราวตามความเชื่อของแต่ละบริบทกันอย่างเช่นหงษ์ไฟหรือเฟิ่งหวง นกในเทพของจีนเป็นต้น 

 

สนับสนุนโดย.  หวยดี

ประเพณีการฉลองปีใหม่ที่แปลกประหลาด 

        เยอรมันดูทีวีเรื่องเดิม

      ตั้งแต่ปี 1972 เป็นต้นมาทุกๆเที่ยงคืนในช่วงวันสิ้นปีชาวเยอรมันมักจะดูรายการโทรทัศน์ที่มีชื่อว่า Dinner for One ที่แสดงนำโดยนักแสดงชาวอังกฤษเป็นเรื่องตลกของคุณนาย โซฟี วัย 90 ปีกับพ่อบ้านโดยคุณนายต้องนั่งฉลองปีใหม่คนเดียวเพราะเพื่อนๆรุ่นเดียวกันต่างก็ลาโลกกันไปหมดแล้วซึ่งก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดนะครับว่าที่มาของประเพณีนี้นั้นเป็นอย่างไรแต่อย่างไรก็ตามประเพณีการดูรายการทีวีเรื่องเดิมซ้ำๆกันในทุกๆปีก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในค่ำคืนนี้ช่วยในงานเลี้ยงนั้นครอบครัวจะรับประทานอาหารกันพร้อมหน้าและจะเหลือเศษอาหารไว้นิดหน่อยเพื่อเป็นเคล็ดถึงความสมบูรณ์พูนสุขในปีหน้า 

    ไอร์แลนด์คืนพิเศษของสาวโสด

         การให้เกียรติผู้ตายในประเพณีปีใหม่ของชาวไอริส ซึ่งมักจะเพิ่มจานพิเศษและวางไว้ที่โต๊ะอาหารค่ำในวันส่งท้ายปีเก่า  นอกจากนี้ขึ้นวันปีใหม่เพื่อเสมือนค่ำคืนพิเศษของสาวโสดในประเทศไอแลนด์ เพราะเชื่อกันว่าการวางใบมิสซันโทไว้ใต้หมอนจะช่วยให้พวกเขาฝันถึงบุคคลที่จะได้แต่งงานกันในอนาคต นอกจากนั้นยังเชื่อว่าใบ มิสซันโทจะช่วยขจัดความโชคร้ายต่างๆให้อีกด้วย

   ญี่ปุ่นตีระฆัง 108 ครั้ง

         ในประเทศญี่ปุ่นมีอีกหนึ่งความเชื่อที่ผู้คนปฏิบัติต่อๆกันมาแบบยาวนานคือประเพณี โจยะ โนะ คาเนะ คือเป็นการตีระฆังจำนวน 108 ครั้งในช่วงเวลา เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ตามธรรมเนียมแล้วการเดินทางนั้นหมายถึงการละเลิกกิเลสออกไปจากจิตใจของมนุษย์ไม่ให้ลุ่มหลงไปกับความสุขทางโลกชาวญี่ปุ่นจึงนิยมใช้ช่วงเวลาเข้าสู่คืนข้ามปีด้วยการฟังเสียงระฆังยามค่ำคืนเพื่อต้อนรับปีใหม่ที่ดีมีสดใสแบบมีสติ 

 Greece ซ่อนเหรียญไว้ในเค้ก 

      ในช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันสิ้นปีตามธรรมเนียมของ Greece นั้นจะนิยมรับประทาน  Vasilopita เค้กที่มีรสหวานคล้ายขนมปังที่ทำขึ้นสำหรับปางที่ทำขึ้นสำหรับปีใหม่เท่านั้นและก็จะรับประทานกันเฉพาะในวันปีใหม่เท่านั้นเช่นกันแต่ที่แปลกก็คือจะมีการซ่อนของเล็กๆเช่น เหรียญ เอาไว้ในเค้ก

และเชื่อกันว่าใครก็ตามที่ได้เค้กส่วนนั้นไปก็จะพบกับความโชคดีตลอดทั้งปีและการจัดเค้กก็มีธรรมเนียมปฏิบัติโดยจะต้องตัดเค้กออกเป็น 2 ชิ้นทำการข้ามเพื่อนำโชคและผ่อนมาสู่บ้านแล้วจึงค่อยตัดแบ่งเค้กออกเป็นชิ้นให้กับผู้ที่มีอายุเยอะมากที่สุดในบ้านได้จนถึงสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดและเมื่อสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้รับเค้กเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องมาลุ้นกันว่าเคสของใครจะมีเหรียญซ่อนอยู่ 

 

สนับสนุนโดย.  3 ตัว บาทละ 1000

ยูเครนส่งทหารแสนนายตั้งรับรัสเซียทางพรมแดน

รัสเซียกำลังดำเนินการเสริมกำลังในส่วนหน้าเพื่อต้องการที่จะโจมตียูเครนแล้วเขาได้มีการบรรยายการสรุปเหตุการณ์นี้เขาบอกว่าในช่วงก่อนเดือนธันวาคมเหตุการณ์ก็ไม่มีอะไร ยูเครนส่งทหารแสนนาย คืบหน้ามากนัก

แต่ว่าหลังจากนั้นมารัสเซียได้มีการขยับขยายในส่วนต่างๆอย่างมากมายไม่เว้นแต่ด้านของโลจิสติกส์และก็รวมถึงหน่วยงานทางการแพทย์ที่เข้าไปสนับสนุนในภูมิภาคก็ถือว่าเป้นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาเขาได้มีการหยิบยกเอาเหตุการณืที่มันเกิดขึ้น

ในวันที่14เมษายนในช่วงเวลานั้นรัสเซียไม่ได้ดำเนินการขนส่งพวกยุทธปัจจัย

เช่นเชื้อเพลิงอะไหล่หรือว่าหน่วยการแพทย์แต่ว่าในคราวนี้เหมือนว่ามีการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้ามันอาจจะเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่ารัสเซียกำลังจะบุกยูเครนอย่างแน่นอนเพราะว่าวันที่14เมษายนที่ผ่านมามันก็มีการส่งแค่กำลังทหารมาแล้วมาตึงกำลังอยู่ไม่นานแล้วถอนออกไป

แต่ว่าการถอนกำลังในครั้งนั้นรัสเซียไม่ได้ถอนไปทั้งหมดก็ยังทิ้งยุทโธปกรณ์ด้านทางทหารเอาไว้เช่นรถถังหนักหรือรถหุ้มเกราะก็ยังอยู่ในพื้นที่มีแต่กำลังทหารบางส่วนที่ได้กลับสู่ที่ตั้งแล้วเมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมาประธานาธิบดีวอลอดือมือร์ แซแลนสกึยแห่งยูเครนได้มีการประกาศจะมีการส่งทหารไปถึง1แสนนายไปตั้งอยู่บริเวณพรมแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

เพื่อตั้งการตั้งรับกำลังมาของรัสเซียบริเวณรอบๆพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สาเหตุของความขัดแย้งมันได้เริ่มขึ้นด้านปูตินได้อ้างว่ายูเครนได้มีการไปสมคบกับชาติตะวันตกโดยเฉพาะนาโต้และสหรัฐอเมริกาเป็นการชักศึกเข้าบ้านด้วยการให้อเมริกามาซ้อมรบในเขตของทะเลดำหรือ

แม้แต่ชักชวนชาตินาโต้เข้ามาซ้อมรบในดินแดนของตนเองทำให้ปูตินเดือดเป็นอย่างมากในประเด็นนี้ปูตินก็มองว่าหากคุณอยู่เฉยๆมันก็คจะไม่มีอะไรแต่ทีนี้คุณมีการไปนำพวกก้อนกำลังต่างชาติเข้ามาปูตินก็เลยออกอาการหัวร้อนจึงต้องดำเนินการส่งพวกยุทโธปกรณ์ด้านการทหารแล้วก็ไปประชิดชายแดน

ซึ่งทางฝั่งนาโต้และอเมริกาในเวลานี้กำลังหาวิธีในการที่จะช่วยเหลือกองทัพยูเครนตลอดมาด้วยการส่งมอบอาวุธกระสุนแล้วก็ยุทโธปกรณ์ด้านอื่นๆโดยทางอเมริกาเคยส่งมอบมาแล้วเช่นเรือตรวจการชายฝั่งขนาดเล็กก็เข้าประจำการในกองทัพเรือยูเครน

นอกจากนี้ยังได้มีการส่งพวกเครื่องกระสุนต่างๆแลพก็เสบียงต่างๆนั่นก็ถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงแล้วแผนการหนึ่งที่สหรัฐอเมริกานั้นจะต้องมีการส่งนั่นก็คือขีปนาวุธต่อต้านรถถังถึงแม้ว่ายูเครนจะมีขีปนาวุธอยู่แล้วแต่ได้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีการเข้าไปสมทบเพิ่มเติมอีกด้วย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  agplus

คำทำนายโลกแตกของหมอดูจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตหรือเปล่า?

ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เราตั้งใจที่จะเขียนเป็นบทความมานานมากและก็สนใจจะเขียนตั้งนานแล้ว  คำทำนายโลกแตกของหมอดู  แต่ประเด็นก็คือด้วยเนื้อหาที่มันค่อนข้างใหญ่เนื้อหาที่มันค่อนข้างที่จะลึกมากพอสมควรแล้วเรื่องของการทำลายโลกมันก็ไม่ได้มีเพียงแค่บุคคลเดียวหรือสองบุคคลที่ทำนายเกี่ยวกับอนาคตของโลกว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันมีสามสี่ห้าคนหรือมันอาจจะมากกว่านั้นเลย

โดยเราได้ทำการรวบรวมและได้ทำการสรุปเอามาเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ที่จริงแล้วมันอาจจะมีมากกว่านี้ถ้าข้อมูลในเนื้อหานี้มีข้อตกล่นลงไปเราก็ขออภัยไว้ในนี้ก่อนเลยแล้วกัน

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องของเราทำนายดวงชะตาของการดูดวงเป็นอะไรที่คอนข้างที่จะฮิตแล้วก้มีคนสนใจกันพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูดวงส่วนตัวการดูดวงการงานการเงินหรือแม้แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าเราจะเกิดอะไรบ้างหรือเราต้องระวังในเรื่องไหนบ้าง

นอกจากนี้หลายๆคนก็อยากจะรู้เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตหรือเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตแต่อยากจะบอกว่าก็มีอยู่ไม่น้อยคนเลยที่อยากาจะรู้ว่าในอนาคตโลกของเราจะเกิดอะไรขึ้นบ้างและจุดจบของโลกของเราจะเป็นอย่างไง

ดังนั้นเรื่องของการทำนายอนาคตของโลกเราและสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นบนโลกของเราจริงๆแล้วมันได้มีมาตั้งแต่ในสมัยยุคโบราณในตำนานและละตำนานหรือการทำนายแต่ละที่ก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปบ้างก็ว่าวันสิ้นสุดของโลกจะถูกอุกกาบาตชนบางที่ก็ว่าจะเกิดแผ่นไหวแล้วโลกจะเกิดการปะทุจากข้างในหรือบ้างก็ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกเข้ามาโจมตีโลกเราก็มีอยู่เหมือนกัน

ซึ่งในการทำนายอนาคตของโลกเราเหล่านี้ถ้าเอาที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เราได้ไปหาข้อมูลมาได้เลยก็คงจะไม่พ้นเรื่องของคัมภีร์ไบเบิ้ลแต่ถ้าเอาสิ่งที่คนในปัจจุบันสนใจกันมาที่สุดและคนพูดถึงกันมาที่สุดก็คงจะเป้นคำทำนายของ “ นอสตราดามุส “ กับ คำทำนายของ “ คุณยาย บาบา วานกา “ 

เพราะฉะนั้นแล้วทั้งสองบุคคลนี้คือบุคคลที่ถูกพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการทำนายโลกเอาไว้มากที่สุดในปัจจุบันเพราะว่าทั้งสองคนนี้มีการทำนายสิ่งต่างที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเหตุในโลกหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนอกโลกหรืออะไรก็แล้วแต่และปรากฏว่าในเวลาต่อมาหลังจากที่พวกเขานั้นเสียชีวิตไปแล้วหรือพวกเขายังมีชีวิตอยู่มันได้เกิดขึ้นจริงๆอย่างที่พวกเขาได้ทำนายกันเอาไว้

 

สนับสนุนโดย.  สูตร ยี่กีเข้าทุกรอบ

ตำนานของ รอยสักญี่ปุ่น(Irezumi)

ตำนานของ รอยสักญี่ปุ่น(Irezumi) รอยสักญี่ปุ่นนั้นถูกค้นพบครั้งแรก จากตุ๊กตา ฮานิวะ ที่ได้มีการค้นพบเจอเคียงข้างกับโชกุล และคาดว่าจะมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ ในช่วงยุค โจมง(Jomon) และเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในกลุ่มชนชั้นต่างๆ ในช่วงสมัย เอโดะ(Edo Period) (ในสมัยเอโดะจะอยูในช่วงปี ค.ศ. 1603-1868)

โดยคนญี่ปุ่นมีความเชื่อที่ว่ารอยสักนั้น จะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเชื่อ อำนาจ โชคลาง และยืดเหนื่ยวจิตใจ ในการทำสร้างกำลังใจในการทำสงครามอีกด้วย และจะมีความเชื่อของเผ่าโบราณของญี่ปุ่นก็คือ ชนเผ่า ไอนู และผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีความนิยมในการสักเป็นส่วนใหญ่ เช่น มีรอยสักที่มือจะหมายถึงการที่จะทำงานหนักเพื่อสามี มีรอยสักที่ริมฝีปาก จะแสดงถึงการพูดแต่สิ่งดีๆให้สามีเพื่อครอบครัวและจะนับถือเทพพระเจ้าไปจนช่วงชีวิต และในที่สำคัญจะมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงเผ่า ไอนู ที่สักที่ริมฝีปากที่ตายไปจะไม่ได้ไปสวรรค์อย่างผู้ที่มีรอยสักในที่อื่นๆ

วิธีการสักของญี่ปุ่นของสมัยนี้และในอดีตจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก เพราะในสมัยนี้ช่างสักในปัจจุบันจะใช้เครื่องในการสักแต่ว่าในสมัยก่อนช่างจะทำการสักโดยการใช้เข็มแซะเข้าไปในผิวหนังและหมึกก็ใช้เป็นหมึกที่ใช้ในภาพพิมพ์ ที่รู้จักกันในนาม Nara lnk ซึ่งเป็นหมึกที่โด่งดังกันอย่างมากเพราะสีดำที่ทำการสักเข้าไปจะถูกเปลี่ยนสีเขียวหรือสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นลักษณะของรอยสักญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

การสักแบบญี่ปุ่น(Irezumi) แบบโบราณจะมีความเป็นเอกลักษณ์ และเพราะเหตุใน จึงเป็นที่ยอดนิยมกันมากๆในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่รอยสักของญี่ปุ่นจะสักเป็นรูปของ สัตว์ เทพเจ้า และตำนานเพราะเหตุนี้จึงจะมีหมายต่างกัน เช่น

มังกร(RYU)

สิ่งที่คนญี่ปุ่นเชื่อ ก็คือมังกรเป็นสิ่งที่เป็นตัวแทนของ สติปัญญา ความแข็งแกร่ง และคอยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีให้อีกด้วย

ปลาคราฟ (KOI)

ปลาคราฟคนญี่ปุ่นจะสื่อได้ถึงความอดทน ความกล้าหาร และไม่ย่อท้อ จึงจะสักไว้ที่ตัวเหมือน เช่นในเทศกาลวันเด็กของญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าการมีลูกผู้ชายแล้วปักธงปลาคราฟไว้หน้าบ้าน จะทำลูกอดทนต่อความลำบากได้ เปรียบเหมือนกับปลาคราฟที่สามารถว่ายน้ำแม่น้ำเหลืองทวนกระแสน้ำเหลืองขึ้นเหนือและจะได้รับรางวัญและทำให้กลายเป็นมังกร

เสือ(TORA)

คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีอำนาจมากที่สุด จึงทำให้เสือเป็นตัวแทนของ ความแข็งแกร่ง กล้าหาญ และอายุยืนยาว

สุนัขผสมสิงโต หรือ สิงโต (KARASHISHI)(FU DOG /LION DOG)

ในศาสนาชินโตของญี่ปุ่น เชื่อว่าสิงโตสามารถขับไข่สิ่งชั่วร้ายได้ ความมั่งคั่งมาให้ และคนญี่ปุ่นจะเชื่อว่า แสดงถึง ความแข็งแกร่ง การเอาตัวรอด และมั่งคั่ง

นกฟินิกซ์(HOU-OU)

จะมีความหมายว่า เป็นอมตะ ความหวังเหมือนการเกิดใหม่ และความสำเร็จ

หัวกะโหลก(ZUGAIKOTSU)

สำหรับชาวญี่ปุ่นจะมีความเชื่อก็คือ การแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ

ฮันยา(HANNYA)

จะมีความหมายถึงความ โกธร ความอิจฉาริษยา หรือจะหมายถึงการปกปองก็ได้

ศีรษะซามูไร(NAMAKUBI)

เป็นการแสดงถึงความกล้าหารหรือ เป็นการใช้เตือนให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว และไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำให้เรากลัวได้

งู(HEBI)

หมายถึงการทำให้มี อายุที่ยืนยาวและเจ็บป่วยได้ยาก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    wm gaming

ประวัติวัดบางกุ้ง จังหวัดสมุทรสงคราม 

         หากใครเคยเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดสมุทรสงครามเชื่อว่าคงเคยได้ยินชื่อวัดบางกุ้งกันมาบ้าง ประวัติวัดบางกุ้ง โดยวัดแห่งนี้นั้นอยู่ไม่ไกลจากตลาดอัมพวามากนักดังนั้นเชื่อว่าใครที่เคยเดินทางมาเที่ยวที่ตลาดอัมพวาย่อมต้องเคยแวะมาไหว้พระที่วัดบางกุ้งอย่างแน่นอนเนื่องจากว่าวัดแห่งนี้นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับ พระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์นั่นก็คือหลวงพ่อดำนั่นเอง

        นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงครามเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนว unseen ที่หาดูได้ยากจากที่อื่นเพราะที่นี่จะมีโบสถ์อยู่บทหนึ่ง  ประวัติวัดบางกุ้ง ซึ่งมีความแปลกแตกต่างจากบทอื่นๆด้วยบทนี้มีชื่อว่าโบสถ์ปรกโพธิ์ความแตกต่างของโบสถ์นี้นั่นก็คือจะมีต้นไม้ขึ้นอยู่รอบโบสถ์แห่งนี้และต้นไม้ที่ขึ้นนั้นก็เป็นต้นไม้คนละสายพันธุ์กันด้วยต้นไม้ทั้ง 4 ต้นนั้นจะขึ้นล้อมรอบตัวโบสถ์และรากของต้นไม้ก็ห่อหุ้มตัวบทเอาไว้ทำให้ชาวบ้านอยากจะมาเห็นด้วยตาตนเอง

           อย่างไรก็ตามสำหรับประวัติความเป็นมาของวัดบางกุ้งแห่งนี้นั้นว่ากันว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยในช่วงของกรุงศรีอยุธยาตอนปลายซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงประมาณพ.ศ 2308   โดยในสมัยนั้นยังไม่มีวัดบางกุ้งขึ้นมาช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไทยกับพม่าได้มีการรบกันอยู่บ่อยครั้งและเป็นช่วงที่พม่านำกองกำลังทหารเข้ามาโจมตีล้อมกรุงศรีอยุธยาซึ่งในสมัยนั้นตรงกับการปกครองของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทำให้พระองค์นั้นได้สั่งให้ทหารย้ายกองทัพมาตั้งค่ายที่ตำบลบางกุ้ง

           โดยจุดที่มาตั้งค่ายใหม่นั้นอยู่ตรงบริเวณวัดบางกุ้งซึ่งมีการสร้างกำแพงล้อมรอบวัดเอาไว้  อย่างไรก็ตามด้วยกองกำลังพม่านั้นมีมากจนเกินไปกองกำลังทหารของไทยนั้นไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้ที่สำคัญกองกำลังพม่านั้นมีการยกทัพมาทางแม่น้ำแม่กลองหลังจากนั้นเมื่อมาถึงค่ายของทหารไทยก็บุกทลายค่ายของทหารไทยจนในที่สุดขายตรงบริเวณบางกุ้งก็ไม่สามารถที่จะต้านทานข้าศึกเอาไว้ได้ทำให้ค่ายที่บางกุ้งนั้นแต่ทหารพม่าจึงสามารถเข้ามาโจมตีกรุงศรีอยุธยาได้และในที่สุดกรุงศรีอยุธยาก็แตกและค่ายบางกุ้งก็กลายเป็นค่ายร้างนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

            อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการสิ้นสุดสงครามแล้วและพระเจ้าตากสินได้มีการกอบกู้เอกราชพระองค์ก็ได้มีการสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานีและพระองค์ยังให้ทหารมาบูรณะซ่อมแซมค่ายที่บางกุ้งและให้ทหารมาประจำอยู่ที่ค่ายแห่งนี้รวมถึงได้มีการชักชวนชาวจีนที่เคยเป็นอาสาสมัครช่วยรบกับพม่ามาอยู่ที่ค่ายบางกุ้งแห่งนี้ด้วยดังนั้นหลังจากนั้นเป็นต้นมาขายที่นี่จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าค่ายจีนบางกุ้งนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  หวยออนไลน์บาทละ 1000

ต้นกำเนิดความเชื่อเกี่ยวกับคำว่า ยาซุ่ยเฉียน ที่มักจะเขียนเอาไว้ที่ซองอั๋งเปา

          สำหรับคำว่า ยาซุ่ยเฉียน นั้น เป็นคำที่เป็นภาษาจีนเบอร์ความหมายของคำคำนี้นั้นหมายถึงการขับไล่วิญญาณที่ชั่วร้ายด้วยเงิน  ซึ่งปัจจุบันนั้นเราจะมักจะเห็นคำคำนี้อยู่ในซองสีแดงหรือไม่ก็จะถูกเขียนไว้ในกระดาษซึ่งเป็นกระดาษสีแดง  แต่เดิมนั้นคำว่า  ยาซุ่ยเฉียน มีความหมายอีกแบบนึงนั่นก็คือหมายถึงการปัดเป่าเกี่ยวกับโรคชราด้วยเงิน  

       อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปความหมายของคำว่ายาซุ่ยเฉียน สิ่งใดมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เป็นการปัดเป่าเรื่องของความชราภาพก็กลายมาเป็นการปัดเป่าพวกวิญญาณร้ายแทนและซองที่สำหรับใส่เงินอังเปาโดยปกติจะยึดมั่นเฉพาะที่เป็นซองสีแดงแต่ด้วยสมัยนิยมผันเปลี่ยนดังนั้นซองอังเปาจึงมีหลากหลายสีสันมากขึ้นแต่ก็ยังอิงสีที่เป็นมงคลนั่นเองไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองซึ่งมองแล้วคล้ายกับสีทองหรือแม้แต่สีชมพูหรือสีส้มก็ตาม

        สำหรับความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของการให้อั่งเปาและความเชื่อเกี่ยวกับคำว่า ยาซุ่ยเฉียน ที่มักจะถูกเขียนไว้บนซองอั่งเปานั้นว่ากันว่ามีตำนานที่เล่าขานถึงความเชื่อนี้เกิดขึ้นในสมัยอดีตกาลโดยระบุว่าในสมัยก่อนนั้นคนจีนมักเชื่อว่าในโลกมนุษย์นั้นจะมีสิ่งชั่วร้ายอยู่ซึ่งสิ่งชั่วร้ายนั้นมีชื่อ ซุ่ย  มันมักจะออกอาละวาดทำร้ายเด็ก

        ซึ่งมันจะมีลักษณะเป็นสีดำมืดและมักจะออกอาละวาดในช่วงคืนส่งท้ายปีเก่าของคนจีนโดยวิธีการที่มันมาทำร้ายเด็กๆนั่นก็คือมันจะเอามือมาแตะที่หัวของเด็กพี่กำลังนอนหลับซึ่งถ้าเด็กคนไหนโดนเจ้าปีศาจที่ชื่อว่า ชุ่ย แตะหัวถึง 3 ครั้งด้วยกันเด็กคนนั้นก็จะล้มป่วยและเสียชีวิต 

        ดังนั้นชาวจีนจึงพากันหวาดกลัวเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้มากโดยมีอยู่วันหนึ่งได้มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งได้ไปร้องขอให้เทพเจ้านั้นช่วยคุ้มครองลูกของพวกเขาด้วยเมื่อพระเจ้าได้ยินคำร้องขอของสามีภรรยาคู่นี้ก็ได้ส่งนางฟ้ามาทั้งหมด 8 องค์ด้วยกันเพื่อให้นางฟ้านั้นมาช่วยเหลือสามีภรรยาคู่นี้ดังนั้นนางฟ้าทั้ง 8 องค์จึงได้มีการแปลงร่างเป็นเหรียญ  โดยเหรียญทั้ง 8 เหรียญนั้นถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษสีแดงแล้วมอบให้สามีภรรยานำไปเอาไว้ใต้หมอนของลูกของพวกเขา

         หลังจากนั้นพอตกช่วงเวลากลางคืนปีศาจร้ายก็มาหาเด็กชายคนดังกล่าวทันทีแต่ไม่สามารถที่จะทำอันตรายเด็กคนดังกล่าวได้เพราะหลังจากที่เข้าใกล้เด็กปุ๊บก็จะมีแสงสีทองพุ่งเข้าใส่ปีศาจร้ายทันทีทำให้ปีศาจต้องหลบหนีเพราะว่าหวาดกลัวซึ่งแสงนั้นพุ่งออกมาจากเหรียญที่ห่อหุ้มจากกระดาษสีแดงนั่นเอง 

        วันรุ่งขึ้นเรื่องราวดังกล่าวก็ถูกเล่าขานกันไปทั่วทั้งหมู่บ้านทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านจึงได้ไปขอพรเทพเจ้าให้ช่วยเหลือแล้วนำเหรียญมาใส่ไว้ในซองสีแดงแล้วนำมาไว้ใต้หมอนเพื่อเป็นการป้องกันปีศาจร้ายซึ่งปัจจุบันก็เป็นการเปลี่ยนเป็นการนำเงินใส่ซองสีแดงถือว่าเป็นการให้อั่งเปาและถือว่าเป็นการป้องกันปีศาจร้ายให้กับเด็กๆนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.    เว็บหวย ไม่อั้น จ่ายเต็ม

การชงชาของญี่ปุ่น มีประวัติความเป็นมาอย่างไร

   ใน การชงชาของญี่ปุ่น นั้นเป็นการแสดงถึงการที่มีเอกลักษณ์ที่แท้จริงเป็นที่รู้จักในสิ่งที่คนจะนึกถึงของประเทศญี่ปุ่นและมีความเป็นวิถีชีวิตที่มีความเฉพาะตัวของญี่ปุ่นและยังเป็นหลักฐานในเรื่องศิลปะและพิธีชงชานั้นเป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่แปลงไปด้วยหลักในการดำเนินชีวิตของญี่ปุ่นและยังเป็นการฝึกสมาธิของชาวญี่ปุ่นได้อีกด้วยและนอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย 

การชงชาของญี่ปุ่น การดื่มชานั้นเป็นวัฒนธรรมของประเทศจีนโดยแต่ตั้งเดิมซึ่งมีการเผยแพร่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นโดยพระสงฆ์ผู้ที่มีชื่อว่า เอซู ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญโดยที่นำชาเขียวที่มาจากประเทศจีนนำมาให้จักรพรรดิซางะที่เมืองคาราซากิของญี่ปุ่นและนำมาดัดแปลงเพื่อให้เข้าถึงการดำเนินชีวิตของญี่ปุ่นซึ่งในอดีตการดื่มชานั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ของขุนนางนักรบตลอดจนพ่อค้าที่ร่ำรวยเท่านั้นแต่ต่อมานั้น ท่านเซ็น โน ริคิว (Sen No Rikyu) นั้น

ทำให้พิธีชงชามีความศักดิ์สิทธิ์และมีแบบแผนอย่างที่เห็นในปัจจุบันโดยตัดการเลี้ยงชาที่ทำให้พุ่งเฟือยออกไปแต่จะเน้นความเรียบง่ายจริงใจรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ด้วยจิตใจที่สงบบริสุทธิ์ ซึ่งยังมีหลักของศาสนาพุทธนิกายเซน(Zen) เข้ามามีส่วนร่วมอีกด้วย แล้วพิธีชงชานี้คนญี่ปุ่นจะเรียกพิธีนี้ว่าจะ ซะโด(Sadou) หรือ ชาโนะยุ (Chanoyu) และในที่มาของคำว่า ซะ(sa)นั้นแปลว่าชาและโด(dou) แปลว่าวิถีซึ่งจะหมายความว่าวิถีแห่งชาก็ว่าได้

(ซึ่งคำว่า ซะโด หรือชะโด นั้นได้มีความหมายเหมือนกันแต่ในปัจจุบันนั้นคนส่วนใหญ่จะทำการออกเสียงว่า ซะโด(Sadou)เป็นส่วนใหญ่) จุดมุ่งหมายของพิธีชงชานั้นจะเป็นการสานสัมพันธ์ของผู้ที่มาเยือนซึ่งในความงดงามและต้อนรับผู้ที่มาเยือนซึ่งและจะแสดงความสวยงามในของสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวซึ่งจะเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่มาเยือนบ้านหรือแขกและเจ้าของบ้าน การจัดรูปแบบของการจัดพิธีชงชานั้นมักจะจัดในห้องที่ทำการตกแต่งเป็นห้องของการทำพิธีชงชาที่ทำไว้

โดยเฉพาะซึ่งเป็นที่ที่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กๆซึ่งจะเป็นการแสดงวัฒนธรรมแบบวัก(Wa) ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นนั้นยังมีโรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับการชงชาโดยเฉพาะและสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะเรียนรู้การชงชาหรือพิธีชงชาในเวลาสั้นๆของญี่ปุ่น นั้นจึงสามารถทำได้โดยมีตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    หวยออนไลน์บาทละ 1000

งานศิลปะทำให้เกิดการวิวัฒนาการทางความคิด 

อย่างที่รู้กันในช่วงนี้งานที่ตลอดมารูปแบบทางการเข้าใจของผู้คนและการวิวัฒนาการของผู้คนต่างๆ ขนาดของอิฐที่มีการเติบโตในยุคสมัยที่ต่างไปเป็นเวลามากกว่าหลายพันปีหรือหลายหมื่นปีที่รูปแบบทางความคิดของผู้คนและการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิดของผู้คนมีการพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆ โครงสร้างในการทำงานต่างๆในการเติบโตทางความคิดของผู้คนดังกล่าวนี้เองนำมา

ซึ่งการวิวัฒนาการในการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างในการทำงานการเติบโตทางด้านความคิดและการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัตถุดิบต่างๆในการทำงานเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้มนุษย์ในยุคปัจจุบันสามารถเรียนรู้และพัฒนาทางด้านความคิดของผู้คนในยุคสมัยที่ต่างๆทั่วไป งานศิลปะคือการเรียนรู้และการเติบโตทางด้านความเชื่อความคิดและการสะท้อนถึงเรื่องราวต่างๆการวิวัฒนาการทางด้านรูปแบบในการทำงานต่างๆ

ที่มีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มมากยิ่งขึ้นได้ด้วยโครงสร้างในการทำงานต่างๆทางด้านการพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงทางด้านรูปแบบที่มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของเสียตังค์เรานี่เอง ทำให้สังคมในยุคปัจจุบันที่มีการเรียนรู้ถึงรูปแบบความคิดความเชื่อต่างๆมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใหม่ๆอย่างต่อเนื่องผู้คนในยุคปัจจุบันสามารถทานศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ทางความคิดต่างๆได้ในโลกออนไลน์หรือโลกอินเทอร์เน็ตที่ระบบเทคโนโลยีและการศึกษาเรื่องราวต่างๆความคิดต่างๆ

มีการพัฒนาที่ง่ายมากยิ่งขึ้นในการสะท้อนถึงเรื่องราวและความเชื่อต่างๆเช่นเดียวกันการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของเสียเหล่านี้เองนำมาซึ่งการวิวัฒนาการทางความคิดของผู้คนเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาทางด้านความคิดของผู้คนในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของผู้คนส่วนใหญ่ในส่วนต่างๆเหล่านี้เองซึ่งมีการวิวัฒนาการทางความเชื่อของผู้คนมากมายผู้คนหน้าตาสามารถเรียนรู้และพัฒนาทั้งด้านความคิดได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นทางด้านรูปแบบในการทำงานต่างๆหรือไม่ใช่เป็นการพัฒนาทางด้านความคิดแตกต่างมากมายที่รูปแบบเล็ก

สำหรับความคิดความเชื่อต่างๆในส่วนต่างเรานี่เองทำให้วิวัฒนาการของการทำงานต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รูปแบบของการไฟฟ้าต่างๆที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนารูปแบบใหม่ๆทำให้มนุษย์สามารถเรียนรู้และพัฒนารูปแบบในการทำงานของโครงสร้างในการทำงานที่เติบโตและพัฒนาในรูปแบบของสิ่งต่างๆเหล่านี้

ในยุคปัจจุบันที่การเรียนรู้และการพัฒนาของอาณาจักรต่างๆ มีความสำคัญในการเปิดกว้างและการพัฒนาของรูปทรงรูปร่างและวัตถุดิบต่างๆในการทำงานซึ่งสามารถทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่มีการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่างๆได้สร้างผลงานต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของการทำงานเช่นเดียวกันที่การเติบโตและการวิวัฒนาการของสิ่งต่างๆเหล่านี้เองนำมาซึ่งการพัฒนารูปแบบทางความคิดและการเติบโตทางความเชื่อต่างๆซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มนุษย์ยังคงมีการพัฒนาทางด้านงานศิลปะทางความคิด 

 

สนับสนุนโดย    เว็บหวยออนไลน์อันดับ1

ตำนานความร้ายกาจของเมดูซ่า 

                หลังจากที่เทพีอาเธน่าได้สาบผมของเมดูซ่าให้กลายเป็นงู และผิวพรรณของเธอที่เคยสวยงามก็แตกระแหงกลายเป็นลายงูไปหน้าที่เคยสวยสดงดงามก็กลับแย่ลง  เรียกได้ว่าใครที่เห็นเธอในช่วงที่เธอถูกสาปนั้นจะต้องรู้สึกแข็งกลายเป็นหิน

เพราะความน่าเกลียดน่ากลัวของรูปร่างหน้าตาของเธอนั่นเองและขณะที่เธอถูกเทพีอาเธน่าสาปนั้นเป็นช่วงที่เธอกลายร่างเธอต้องทนทุกข์ทรมานจากการแปรสภาพของร่างกายของเธออย่างมาก ในตำนานกล่าวว่าสาเหตุที่นางเมดูซ่ามองใครแล้วกลายเป็นหินนั้นก็เพราะว่า เป็นคำสาปของเทพีอธีน่าที่มีการสาปเมดูซ่าไว้ว่า

                   ถ้าเกิดเธอได้มองใครก็ให้บุคคลนั้นกลายเป็นหินเพื่อที่จะได้ไม่สามารถมองใครได้ต่อไปอีกเลย และนับตั้งแต่เมดูซ่าถูกเทพีอาเธน่าสาปให้มีรูปร่างเป็นงูเธอก็แอบหลบหนีผู้คนไปอยู่สถานที่ที่ห่างไกลไม่มีคนเดินทางไปถึงก็ต้องการหลบหน้าผู้คนนั้นเอง  

และถึงแม้ว่าเมดูซ่าจะหลบหลีกผู้คนไปมากแค่ไหนแต่ว่าเรื่องราวของเธอสมัยที่เธอก่อนที่จะถูกสาปนั้นว่าเธอนั้นมีความงดงามมากเพียงใดก็ยังมีการเล่าลือกันไปทั่วซึ่งผู้คนเหล่านั้นก็พากันออกติดตามหาเมดูซ่าเพื่อหวังจะได้เห็นโฉมหน้าอันสวยงามของเธอ

                 และนี่เองคือตำนานที่มีการพูดถึงความร้ายกาจของไปดูซ่าเมื่อบุรุษหลายคนต่างก็พยายามไปค้นหาว่าไปดูซ่าอยู่ที่ไหนเพื่อที่ต้องการจะได้เห็นโฉมหน้าของเธอว่าเธอสวยงามเพียงใดและเมื่อได้ไปเห็นผู้คนต่างก็ตกใจกลัวกับหน้าตาของเมดูซ่า

และเมื่อมีการต้องมองก็มีอาการแข็งเป็นรูปปั้นทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนต่างก็เริ่มหรือว่า เมดูซ่านั้นชั่วร้ายและน่ากลัว  และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้เรื่องราวของ เมดูซ่า กลายเป็นเรื่องราวของปีศาจร้ายทั้งๆที่ตัวเองนั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตั้งแต่ต้น

     หากจะมองในมุมกลับกันแล้วจะเห็นได้ว่าอันที่จริงแล้วตั้งแต่เมนูซ่าเป็นมนุษย์ธรรมดาก็ถูกเทพรังแกมาโดยตลอดและเมื่อถูกสาปให้กลายเป็นงูน่าเกลียดน่ากลัวเมื่อเธอไปหลบซ่อนตัวก็ยังมีผู้คนตามหาเธอทั้งๆที่เธอไม่ได้ออกอาละวาดเห็นภาพผู้คนแต่อย่างใด

แต่พอมีการสบตาเธอแล้วแข็งกลายเป็นหินก็มากล่าวหาว่าเธอนั้นเป็นปีศาจร้ายเห็นค่าผู้คนทั้งๆที่จริงแล้วผู้คนเหล่านั้นต่างก็พากันตามหาเธอเอง  ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าตำนานของเมดูซ่าที่กล่าวว่าเธอเป็นปีศาจร้ายนั้นไม่เป็นความจริงเพราะจริงๆแล้วนับตั้งแต่ต้นจนจบเธอคือหญิงสาวผู้อาภัพที่ถูกกระทำมาโดยตลอด

 

สนับสนุนโดย.    ซื้อหวยออนไลน์ เว็บไหนดี