ยูเครนส่งทหารแสนนายตั้งรับรัสเซียทางพรมแดน

รัสเซียกำลังดำเนินการเสริมกำลังในส่วนหน้าเพื่อต้องการที่จะโจมตียูเครนแล้วเขาได้มีการบรรยายการสรุปเหตุการณ์นี้เขาบอกว่าในช่วงก่อนเดือนธันวาคมเหตุการณ์ก็ไม่มีอะไร ยูเครนส่งทหารแสนนาย คืบหน้ามากนัก

แต่ว่าหลังจากนั้นมารัสเซียได้มีการขยับขยายในส่วนต่างๆอย่างมากมายไม่เว้นแต่ด้านของโลจิสติกส์และก็รวมถึงหน่วยงานทางการแพทย์ที่เข้าไปสนับสนุนในภูมิภาคก็ถือว่าเป้นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาเขาได้มีการหยิบยกเอาเหตุการณืที่มันเกิดขึ้น

ในวันที่14เมษายนในช่วงเวลานั้นรัสเซียไม่ได้ดำเนินการขนส่งพวกยุทธปัจจัย

เช่นเชื้อเพลิงอะไหล่หรือว่าหน่วยการแพทย์แต่ว่าในคราวนี้เหมือนว่ามีการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้ามันอาจจะเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่ารัสเซียกำลังจะบุกยูเครนอย่างแน่นอนเพราะว่าวันที่14เมษายนที่ผ่านมามันก็มีการส่งแค่กำลังทหารมาแล้วมาตึงกำลังอยู่ไม่นานแล้วถอนออกไป

แต่ว่าการถอนกำลังในครั้งนั้นรัสเซียไม่ได้ถอนไปทั้งหมดก็ยังทิ้งยุทโธปกรณ์ด้านทางทหารเอาไว้เช่นรถถังหนักหรือรถหุ้มเกราะก็ยังอยู่ในพื้นที่มีแต่กำลังทหารบางส่วนที่ได้กลับสู่ที่ตั้งแล้วเมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมาประธานาธิบดีวอลอดือมือร์ แซแลนสกึยแห่งยูเครนได้มีการประกาศจะมีการส่งทหารไปถึง1แสนนายไปตั้งอยู่บริเวณพรมแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

เพื่อตั้งการตั้งรับกำลังมาของรัสเซียบริเวณรอบๆพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สาเหตุของความขัดแย้งมันได้เริ่มขึ้นด้านปูตินได้อ้างว่ายูเครนได้มีการไปสมคบกับชาติตะวันตกโดยเฉพาะนาโต้และสหรัฐอเมริกาเป็นการชักศึกเข้าบ้านด้วยการให้อเมริกามาซ้อมรบในเขตของทะเลดำหรือ

แม้แต่ชักชวนชาตินาโต้เข้ามาซ้อมรบในดินแดนของตนเองทำให้ปูตินเดือดเป็นอย่างมากในประเด็นนี้ปูตินก็มองว่าหากคุณอยู่เฉยๆมันก็คจะไม่มีอะไรแต่ทีนี้คุณมีการไปนำพวกก้อนกำลังต่างชาติเข้ามาปูตินก็เลยออกอาการหัวร้อนจึงต้องดำเนินการส่งพวกยุทโธปกรณ์ด้านการทหารแล้วก็ไปประชิดชายแดน

ซึ่งทางฝั่งนาโต้และอเมริกาในเวลานี้กำลังหาวิธีในการที่จะช่วยเหลือกองทัพยูเครนตลอดมาด้วยการส่งมอบอาวุธกระสุนแล้วก็ยุทโธปกรณ์ด้านอื่นๆโดยทางอเมริกาเคยส่งมอบมาแล้วเช่นเรือตรวจการชายฝั่งขนาดเล็กก็เข้าประจำการในกองทัพเรือยูเครน

นอกจากนี้ยังได้มีการส่งพวกเครื่องกระสุนต่างๆแลพก็เสบียงต่างๆนั่นก็ถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงแล้วแผนการหนึ่งที่สหรัฐอเมริกานั้นจะต้องมีการส่งนั่นก็คือขีปนาวุธต่อต้านรถถังถึงแม้ว่ายูเครนจะมีขีปนาวุธอยู่แล้วแต่ได้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีการเข้าไปสมทบเพิ่มเติมอีกด้วย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  agplus

การชงชาของญี่ปุ่น มีประวัติความเป็นมาอย่างไร

   ใน การชงชาของญี่ปุ่น นั้นเป็นการแสดงถึงการที่มีเอกลักษณ์ที่แท้จริงเป็นที่รู้จักในสิ่งที่คนจะนึกถึงของประเทศญี่ปุ่นและมีความเป็นวิถีชีวิตที่มีความเฉพาะตัวของญี่ปุ่นและยังเป็นหลักฐานในเรื่องศิลปะและพิธีชงชานั้นเป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่แปลงไปด้วยหลักในการดำเนินชีวิตของญี่ปุ่นและยังเป็นการฝึกสมาธิของชาวญี่ปุ่นได้อีกด้วยและนอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย 

การชงชาของญี่ปุ่น การดื่มชานั้นเป็นวัฒนธรรมของประเทศจีนโดยแต่ตั้งเดิมซึ่งมีการเผยแพร่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นโดยพระสงฆ์ผู้ที่มีชื่อว่า เอซู ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญโดยที่นำชาเขียวที่มาจากประเทศจีนนำมาให้จักรพรรดิซางะที่เมืองคาราซากิของญี่ปุ่นและนำมาดัดแปลงเพื่อให้เข้าถึงการดำเนินชีวิตของญี่ปุ่นซึ่งในอดีตการดื่มชานั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ของขุนนางนักรบตลอดจนพ่อค้าที่ร่ำรวยเท่านั้นแต่ต่อมานั้น ท่านเซ็น โน ริคิว (Sen No Rikyu) นั้น

ทำให้พิธีชงชามีความศักดิ์สิทธิ์และมีแบบแผนอย่างที่เห็นในปัจจุบันโดยตัดการเลี้ยงชาที่ทำให้พุ่งเฟือยออกไปแต่จะเน้นความเรียบง่ายจริงใจรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ด้วยจิตใจที่สงบบริสุทธิ์ ซึ่งยังมีหลักของศาสนาพุทธนิกายเซน(Zen) เข้ามามีส่วนร่วมอีกด้วย แล้วพิธีชงชานี้คนญี่ปุ่นจะเรียกพิธีนี้ว่าจะ ซะโด(Sadou) หรือ ชาโนะยุ (Chanoyu) และในที่มาของคำว่า ซะ(sa)นั้นแปลว่าชาและโด(dou) แปลว่าวิถีซึ่งจะหมายความว่าวิถีแห่งชาก็ว่าได้

(ซึ่งคำว่า ซะโด หรือชะโด นั้นได้มีความหมายเหมือนกันแต่ในปัจจุบันนั้นคนส่วนใหญ่จะทำการออกเสียงว่า ซะโด(Sadou)เป็นส่วนใหญ่) จุดมุ่งหมายของพิธีชงชานั้นจะเป็นการสานสัมพันธ์ของผู้ที่มาเยือนซึ่งในความงดงามและต้อนรับผู้ที่มาเยือนซึ่งและจะแสดงความสวยงามในของสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวซึ่งจะเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่มาเยือนบ้านหรือแขกและเจ้าของบ้าน การจัดรูปแบบของการจัดพิธีชงชานั้นมักจะจัดในห้องที่ทำการตกแต่งเป็นห้องของการทำพิธีชงชาที่ทำไว้

โดยเฉพาะซึ่งเป็นที่ที่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กๆซึ่งจะเป็นการแสดงวัฒนธรรมแบบวัก(Wa) ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นนั้นยังมีโรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับการชงชาโดยเฉพาะและสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะเรียนรู้การชงชาหรือพิธีชงชาในเวลาสั้นๆของญี่ปุ่น นั้นจึงสามารถทำได้โดยมีตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    หวยออนไลน์บาทละ 1000

การระเบิดของภูเขาไฟที่เกาะซานโตรินี่

แอตแลนติสอาณาจักรโลกลึกลับโบราณที่ทุกคนต่างก็ตามหากันมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันว่ากันว่ามันเคยเป็นอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองที่สุดของมนุษยชาติชาวเมืองสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจเพราะว่าทุกที่ของเมืองอุดมสมบูรณ์ไปหมดอยากกินอะไรกินอยากดื่มอะไรดื่มกำแพงวิหารเมืองต่างๆจะถูกสร้างขึ้นด้วยทองคำและอัญมณีมากมายจากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่ชาวเมืองมี

เมื่อเวลาผ่านไปคุณธรรมของคนในเมืองก็ต่ำจนกระทั่งเทพเจ้าผู้สร้างเมืองถึงต้องเอาตีนกร่ายหน้าฝากยอมตัดใจส่งภัยพิบัติลงมาถล่มในเมืองให้จนน้ำไปเลยเรื่องราวในตอนนี้ก็เป็นเรื่องราวจากนักปราชญ์ชาวกรีกที่มีชื่อว่าเพโต

ซึ่งเขาก็ได้เล่ามาประมาณ300ปีก่อนคริสตกาลว่าแต่อาณาจักรแห่งนี้มันมีอยู่จริงหรือเปล่าแล้วถ้ามันมีมันจะอยู่ที่ไหนกันล่ะแล้วทำไมยังไม่มีใครพบมันเลย

นอกจากเกาะซานโตรินี่เป็นหนึ่งในข้อสันนิษฐานที่เขาได้เชื่อกันมาที่สุดก็ว่ากันว่ามันอยู่ในหมู่เกาะแห่งหนึ่งของประเทศกรีดที่ปัจจุบันนี้ได้กลายมาเป็นสถานที่ยอดนิยมอย่างเกาะซานโตรินี่ไปแล้วใครจะไปเชื่อว่าดินแดนบ้านสีขาวหลังคาสีฟ้าแห่งนี้ในสมัยก่อยมันจะเป็นภูเขาไฟใหญ่มากก่อนถ้าใครดูแผนที่ของเกาะแห่งนี้ก็จะเห็นว่ารูปร่างของมันนั้นเป็นเมืองกับเมืองที่ได้จมอยู่ใต้น้ำเลย

โดยเมืองแห่งนี้มันก็ไม่ได้จมแบบธรรมดาอีกด้วยเป็นการจมจากระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ4พันกว่าปีที่แล้วการระเบิดของภูเขาไฟครั้งนี้ว่ากันว่ามันเป็นการระเบิดรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์เลยร้ายแรงมากกว่าตอนที่ภูเขาระเบิดปอมเปอีเสียอีกถ้าจะเทียบให้เห็นภาพก็คือมันเหมือนกับการย่อนระเบิดปรมาณู4ลูกที่ลงไปยันจุดเดียวกันเสียอีก

ถ้าหากเราจะจินตนาการในส่วนน้ำท่วมให้มันกลายเป็นพื้นดินมันก็จะตรงกับคำบอกเล่าของเปโตนักปราชญ์ชาวกรีกเลยแต่ถ้าใครบอกเรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาหมื่นปีกว่าปีที่แล้วไม่ใช่เหรือแต่การระเบิดภูเขาไฟมันแค่4พันปีเองเรื่องนี้นักโบราณคดีเขาก็บอกว่ามันอาจจะเป็นการคำนวนที่ผิดพลาดทางคณิตศาสตร์ของเปโตเลยก็ได้

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เขาก็ได้ออกมากล่าวและยังได้นำเอาเรื่องราวเหล่านี้ไปเชื่องโยงกับเหตุการณ์อีกหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพระคัมภีร์อีกด้วยอย่างเช่นเหตุการภัยพิบัติสิบอย่างในอียิปต์และมันก็จะมีอยู่หนึ่งภัยพิบัติที่ได้บอกว่าอยู่ๆเมืองมันก็ได้มืดไปสามวันเลยว่ากันว่ามันได้เกิดขึ้นมาจากการระเบิดของภูเขาไฟนี่เองเพราะว่ามันมีความรุนแรงมากถึงขนาดที่ควันไฟได้ลอยมาไกลถึงอียิปต์เลย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เซ็กซี่เกม บาคาร่า

สงคราม นอร์มังดี

ซึ่งสงครามโลกครั้งที่2จะผ่านมานานแล้วก็ตามแต่มันก็ยังมีเรื่องเล่ากันมากมายเลยทีเดียวในบางภารกิจที่ยังไม่เปิดเผยออกมานั้นบางเรื่องก็แลปกบางเรื่องก็น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมากและบางเรื่องก็ยังถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับอีกต่างหากถึงแม้สงครามที่ผ่านมานั้นจะดูโหดร้ายมากมายเพียงใดก็ตามแต่มันก้ยังมีสงครามที่ยังหัวเสียอยู่เหมือนกันนั่นก็คือสงครามจิตวิทยา

เมื่อในปี1996ที่ผ่านมานั้นความลับขั้นสุดยอดของกองทัพบกของสหรัฐอเมริกาเขาก็ได้มีการเปิดเผยเอกสารชิ้นหนึ่งที่ถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับมานานกว่า50ปีออกเผยแพร่สู่สาธารณะชน

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลืองเชื่ออย่างมากเลยเมื่อกองทัพบกสหรัฐจัดตั้งหน่วยลับชื่อว่ากองพันปีศาจโดยเรื่องนี้มันกน่ามีความสนใจเป็นอย่างมากอยู่เหมือนกันเพราะว่ากองพันที่กล่าวมาไม่เก่งทางด้านสู้รบเลยสักนิดเพียงแต่ว่าสมาชิดกองพันดังกล่าวเก่งทางด้านศิลปะไม่ว่าจะเป็นวิศวะกรด้านเสียงด้านนักแสดงคนทำป้ายโฆษณาและอื่นๆอีกมากมาย

นอกจากนี้แล้วคนเหล่านี้ยังช่วยทหารแท้ๆได้มากกว่าหนึ่งหมื่นคนก่อนสงครามและยังสามารถระดมคนเข้าไปยังจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญดพวกเขาทำยังไงกัน

ดังนั้นเรามาดูศิลปินที่เขาได้ใช้สีในการสู้รบกันเลยกองพันปีศาจหรือกองพันศิลปินที่พูดไปก่อนหน้านี้เคยทำการออกรบมาแล้วในสงครามโลกครั้งที่2ที่ผ่านมานั้นก็คือ นอร์มังดี และ แม่น้ำไนล์ 

เมื่อวันที่6มิถุนายนปี1994ที่ผ่านมาในครั้งที่กองทัพฝ่ายสัมพันธไมตรีได้ยกพลขึ้นหาดดังกล่าวก็เต็มไปด้วยความยากลำบากสุดๆเพราะด้วยการตั้งรับที่ดีนั้นและการตอบโต้งที่ดุดเดือดการย้ายพลขึ้นฝั่งก็เลยเป็นไปได้ยากท้ายที่สุดแล้วนั้นก็สามารถเอาชนะสมรภูมิดังกล่าวมาได้ถึงแม้ว่าจะเสียทหารไปกว่า1.2หมื่นคนแต่ที่สามารถยืนยันได้จริงๆมีเพียงแค่4,414คนเท่านั้น

ส่วนภารกิจต่อมาหลังจากที่ขึ้นหาดมาได้แล้วก็คือการยึดเอาเมืองคืนจาก เยอรมันและการเข้าไปบวกตรงๆก็ต้องสูญเสียทหารไปเป็นธรรมดาแต่จะน้อยจะมากก็ขึ้นอยู่กับอาวุธที่ทันสมัยบวกกับการรบที่ได้เปรียบวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้คือทำยังไงก็ได้ให้พวกมันนั้นยอมแพ้แต่โดนดีแยกย้ายกันกลับบ้านไปเลยจบเลย

เนื่องจากนี้มีอีกวิธีหหนึ่งก็คือการเบี่ยงเบนความสนใจล่อทหารของเยอรมันออกจกเมืองให้ได้แต่การที่เราจะทำเช่นนี้ก็ต้องใช้กำลังพลแล้วอาวุธที่มากมายเช่นกันแน่นอนแล้วว่าฝ่ายสัมพันธมิตรก็ไม่ได้มีทรัพยากรมากมายอะไรขนาดนั้นที่จะทำการสู้รบในศึกครั้งนี้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ

ประวัติศาสตร์เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้

ซึ่งในช่วงของสงครามโลกได้จบไปแล้วสหรัฐก็ได้ดูแลตรงส่วนที่ได้อยู่ติดทะเลจากนั้นเขาก็ได้เอาความเป็นประชาธิปไตยเข้ามาแต่เมื่อได้ดูแลไปดูแลมาทางเกาหลีก็เดี๋ยวๆและบอกว่าพวกเองจะมาแยกประเทศข้าไม่ได้ถามประชากรที่อยู่ในประเทศกันบ้างหรอ

ด้วยความที่ว่าเกาหลีทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ เขาก็ไม่พอใจกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกันก็อยู่ใต้ตีนญี่ปุ่นมากว่า30กว่าปีจะให้ชาติอื่นเข้ามาปกติอะไรอีกเป็นไปไม่ได้ฉันไม่ยอมเขาก็เลยมีการประทวงกันบ้างอะไรบ้างมันก็เลยรุกลามไปจนก่อสงครามกลางเมืองเลยนานไปเข้าก็เลยเอาเกาหลีมารวมเป็นประเทศเดียวกันสะเลยสิแต่ทว่าจะปกครองระบบกันแบบไหนดี

ซึ่งเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ก็หันหน้ามามองกันว่าทำไมเราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยเอาแบบนี้เรามาเลือกตั้งกันก่อนเลยแล้วกันทั้งสองก็ยินยอมแต่ทว่าการเลือกตั้งในครั้งนั้นมันก็เป็นไปได้ไม่ค่อยสวยงามด้วยความที่ว่าเกาหลีขอทั้งสองฝ่ายเขาก็มีแบ็คอยู่

โดยเกาหลีในส่วนที่อยู่ติดกับประเทศจีนก็มีโซเวียตเป็นแบ็คอยู่โซเวียตยังได้แอบเชียร์ลึกๆว่าเกาหบีจะต้องชนะเราจะได้เอาระบอบคอมมิวนิสต์เข้ามากบกลืนให้หมดเลยทางด้านของสหรัฐก็เชียร์ลึกๆว่าถ้าเลือกเสร็จแล้วจะต้องเป็นประชาธิปไตยและประเด็นก็คือเกาหลีใต้ในตอนนั้นเขาก็มีประชากรเยอะมากกว่าเกาหลีเหนือเสียอีกยังไงสะเกาหลีเหนือก็ต้องแพ้ในการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ผลของการเลือกตั้งในครั้งนี้มันก็เป็นความล้มเหลวมันก็มีแต่เกาหลีใต้ไปเลือกเกาหลีเหนือก็แบบบอยคอร์ดมันก็เลยเกิดความวุ่นวายปวดหัวหลังจากการเลือกตั้ง

ส่วนสหภาพโซเวียตนั้นก็เลยประกาศให้จัดการจัดตั้งให้เกาหลีเหนือให้มีผู้นำที่เป็นของตัวเองเสียเลยก็คือ คิมอิลซุงคุณปู่ของผู้นำ คิม คนปัจจุบันนี้แหละก็ได้เข้ามาปกครองเกาหลีเหนือทางใต้พอเห็นแบบนี้ก็เลยไม่ยอมแต่งตั้งขึ้นมาบ้างก็เลยเริ่มเป็นจุดแบ่งของเกาหลีใต้อย่างชัดเจน

โดยมันได้เกิดมาจากการแทรกแซงของสองมหาอำนาจล้วนๆเลยและในเรื่องของการแทรกแซงแบบนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นมากับทั้งสองเกาหลียังมีชาติอื่นๆของโลกที่ได้โดนแบบนี้ด้วยแบบเบาหูให้ไปเป็นคอมมิวนิสต์เถอะส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็ไปเป่าหูให้ไปเป็นประชาธิปไตยเถอะ

เนื่องจากนี้ทั้งสองประเทศที่ได้ชัยชนะสงครามด้วยกันแต่ดันไปมีอุดมการที่ไม่เหมือนกันก็เริ่มที่จะไม่พอใจระหว่างกันขึ้นมาตบกันเลยไหมจะไปตีกันแบบสงครามโลกก็รู้ว่าประเทศของตัวเองจะได้รับความพินาศขนาดไหนถึงแม้จะเป็นฝ่ายที่ชนะก็เถอะแต่ก็ยับไม่ใช่น้อย

 

สนับสนุนโดย  betbb

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวเขมรในช่วงของยุค70

วันที่ไม่น่าอยู่ในประวัติศาสตร์โลกซึ่งเราจะไม่ขอพูดในเรื่องพวกสงครามหรือว่ากาลโลกมรณะเพราะว่าคุณทุกคนต่างก็ได้รับรู้กันมาหมดแล้วเราจะต้องพูดเรื่องราวที่ยังไม่มีใครรู้มาก่อนถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปดูกันได้เลย

เหตุการณ์ที่ 1  สำหรับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวเขมรในช่วงของยุค70ก็จะมีเหตุการณ์ที่ดูน่าสลัดใจเกิดขึ้นกลับประเทศเพื่อนบ้านของเรานั้นเองมันก็คือการสังหารผู้คนจำนวนมากในเหตุการของเขมรแดงที่เรียกได้ว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเลยทีเดียวท่าพูดไม่ผิดถึงแม้ว่าในตัวเลขของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นจะไม่ได้มีการจดบันทึกเอาไว้อย่างแน่นอนแต่เขาได้คาดการณ์ว่ามีมากถึงประมาณ3ล้านคนกันเลยทีเดียว

ซึ่งเป็น2ใน3ของประชากรของเขมรของในยุคนั้นที่ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เสียชีวิตก็จะกลายเป็นศพที่เสียชีวิตที่อยู่ในทุ่งสังหาร

โดยที่ในชื่อหนึ่งที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้เลยก็คือ พลเอก พลพต ที่เป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ที่จากโลกนี้ไปอย่างไม่ต้องรับโทษใดๆ

นอกจากนี้ในประวัติคร่าวๆของเขานั้นก็ได้เป็นเลขาธิการทั่วไปของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาที่ได้เริ่มทำงานมาตั้งแต่ในปี1963และก็ได้เป็นนักผู้ปฏิวัติผู้นำเขมรแดง

ซึ่งในรัฐบาลของเขานั้นได้เข้ามาปกครองในกัมพูชานั้นก็ได้มีการเปลี่ยนเหล่าอาชีพของจำนวนประชากรเป็นจำนวนมากให้ไปเป็นชาวไร่ชาวนาทำงานในชนบทบังคับให้ใช้แรงงานเรียกได้ว่าในระดับความโหดเทียบกับในเกาหลีเหนืออะไรประมาณนี้เลยนั้นก็เลยเป็นสาเหตุที่ได้ทำให้ชาวกัมพูชาในยุคนั้นHPกันหมดแล้วก็ได้สิ้นชีพไปเป็นจำนวนมาก

เหตุการณ์ที่ 2  สำหรับเหตุการณ์สังหารหมู่ในนานกิงในส่วนสมัยของสงครามโลกครั้งที่สองเมืองนานกิงก็จะเป็นเมืองหลวงของประเทศจีนในยุคคณะรัฐบาลธนชาติ

ซึ่งในเวลานั้นเองทำให้เกิดเรื่องราวปั่นป่วนขึ้นทำให้ชาวจีนได้มีความรู้สึกว่าซีช้ำจนถึงชีวิตในปัจจุบันนี้ก็คือจะมีเหตุการณ์ที่เหล่าชาวญี่ปุ่นได้บุกเข้ามายึดที่เมืองนานกิงหลังจากนั้นก็ได้ทำการข่มเหงผู้คนกว่า6สัปดาห์

เรียกได้ว่าเป็น6สัปดาห์ที่ว่าเป็นฝันร้านของชาวนานกิงเลยทีเดียวและในช่วงระยะเวลานั้นญี่ปุ่นก็ได้เขาไปปล้นแล้วก็ทำให้HPของชาวจีนได้หมดกันไปเป็นหลอดๆกันเลยและก็ไม่มีการสนใจด้วยว่าเขานั้นจะเป็นทหารที่ไม่มีอาวุธเป็นพลเมืองทั่วไปคนแก่ผู้หญิงหรือว่าเด็กอะไรก็คือโดนหมด

นอกจากนี้ตัวเลขของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เหล่านี้มันก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนเนื่องจากว่าในหลักฐานต่างๆเขาได้ถูกปิดบังแล้วก็หลักฐานบางส่วนก็ได้ถูกทำลายลงไปในแบบที่ไม่ตั้งใจแต่เขาได้คาดการณ์ว่าน่าจะมีการเสียชีวิตราวๆ2-3แสนคนเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  เซ็กซี่ บาคาร่าออนไลน์

การประยุกต์การใช้สีของศิลปะคริสเตียน 

ยุคคริสเตียนเป็นยุคที่ศิลปะกำลังเฟื่องฟูโดยเฉพาะการสร้างสรรค์ของงานโมเสกหรือการแก้กระจก หินสีต่างๆถูกนำมาเรียงให้เป็นงานต่างๆเพื่อแสดงให้เห็นว่าอารยธรรมหรือมีความศรัทธาในพระเจ้าส่วนใหญ่งานศิลปะในประเภทนั้นๆก็จะถูกแสดงให้เห็นว่า ชาวคริสเตียนหรือพวกนอกศาสนาที่ไม่รู้หนังสือก็สามารถสร้างสรรค์งานที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาหรือมีอารยธรรมของงานศิลปะนี้ได้

งานสักการะนี้มักจะเป็นเส้นรอบที่มีความชัดเจนด้านข้างมากซึ่งการใช้สีที่โดดเด่นซึ่งแสดงให้เห็นว่าบุคคลสำคัญในคัมภีร์ไบเบิล สามารถแสดงเธอถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะจนข้างเดียวได้งานเรือนแก้วกระจกหรือว่างานเรียงหินแก้วนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบันหากเราลองไปโบสถ์ทางด้านศาสนาคริสต์ต่างๆ ก็จะเห็นงานศิลปหัตถกรรมตอนนี้ได้หลายๆที่ในการแสดงให้เห็นว่าความศรัทธาของผู้คนมีมากขนาดไหนที่ถ่ายทอดมาเป็นงานศิลปะ 

เวลากลางคืนถูกแสงจากตะเกียงไฟหรือแสงจากไฟต่างๆ และแสดงให้เห็นถึงภาพที่มีความชัดเจนข้างเยอะไม่มีความเหมือนจริงหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการใช้สีที่ตัดกันอย่างชัดเจนจนมากจนเกินไป ซึ่งการใช้งานต่างๆนี้ถูกสร้างสรรค์อยู่ในหมวดต่างๆเพื่อแสดงให้เห็นถึงลักษณะของศาสนา

ศิลปะต่างๆเป็นศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาของผู้คนต่างๆที่แสดงความศรัทธาต่อพระเจ้า ซึ่งศิลปะสักการะนี้เขามีการพัฒนาตลอดเวลาให้มีความสร้างสรรค์หรือแม้แต่จะเป็นการสร้างบรรยากาศต่างๆโดยเฉพาะในส่วนของบทและแสดงสินค้าต่างๆ งานโมเสกตอนนี้ได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นงานจิตรกรรมขนาดชิ้นเล็กๆบนแผ่นไม้หรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการถ่ายทอดผู้บริจาคเงินให้กับโบสถ์นานๆก็จะมีการพัฒนาให้มีความเหมือนทุกคนนะเต่านี้ อย่างไรก็ตามศิลปะในการใช้สีต่างๆของคริสเตียนก็มีปัญหาตลอดเวลาส่วนใหญ่ครับหากเป็นงานโมเสกเป็นงานใช้แก้ว

สีสันก็จะมีความเข้มหรือมีความชัดเจนเรื่องตังค์เยอะมีเส้นตัดที่ไหนอย่างชัดเจนซึ่งในยุคปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างไรก็ตามการใช้งานโหมดต่างๆเหล่านี้ก็มีการใช้อยู่ตลอดเวลาเพราะผู้กำกับให้ความเลื่อมใสและความศรัทธาโดยเฉพาะในส่วนของศาสนาต่างๆซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างยิ่ง ทำงานศิลปะต่างๆเหล่านี้

ของผู้คนให้ความสนใจในการแสดงความเคารพหรือว่าแสดงให้เห็นว่าความศรัทธาของผู้คนนี้มีค่อนข้างมากก็เท่านี้เองจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง งานศิลปะที่เข้ามาสู่จิตใจของผู้คนโดยเฉพาะผู้คนที่อยู่ในศาสนาต่างๆที่แสดงให้เห็นว่างานศิลปะไม่มีข้อจำกัดในการพัฒนาไม่เพียงแต่การเขียนภาพจากเรื่องวันนั้นเรายังสามารถพัฒนารูปต่างๆ

ซึ่งสามารถแสดงถึงอารมณ์ทัศนียภาพหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการใช้สีต่างๆซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้คนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในยุคต่างๆเหล่านี้ งานที่ถูกใช้ในส่วนของสถานที่ต่างๆรวมทั้งยังเป็นการพัฒนารูปแบบงานต่างๆที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอย่างไรก็ตามโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันการใช้งานในขณะนี้ก็ยังมีการใช้งานอยู่จนถึงในยุคปัจจุบันที่ผู้คนมีการใช้ศิลปะในการกล่อมเกลาจิตใจมนุษย์หรือว่าการใช้สีต่างๆซึ่งแสดงให้เห็นถึงความ ฉูดฉาด 

 

 

สนับสนุนโดย  huaydee

สงครามโลกครั้งที่1เกิดโดยบังเอิญจริงหรือ?

นักวิชาการทางรัฐศาสตร์เขาก็ยังได้ถกเถียงกันอยู่เรื่อยๆว่าสงครามโลกครั้งที่1นั้นได้เป็นสงครามที่เกิดจากความบังเอิญแบบตกตกกระไดพลอยโจนหรือว่ามันเกิดจากความตั้งใจของบางประเทศที่จะทำให้เกิดสงครามบางทฤษฎีีได้บอกว่า การล่าอาณานิคม การแข่งขันสะสมอาวุธ การเป็นพันธมิตรกัน ชาตินิยม 4ข้อที่เราได้กล่าวมานี้แม้ว่าจะไม่มีใครอยากจะให้มันเกิดขึ้นและนักวิชาการบางสายเขาก็จะปฏิเสธความคิดนั้นโดยสิ้นเชิง

กล่าวคือว่า ความบังเอิญไม่มีจริงในการทำสงครามนักวิชาการสายนี้เขาบอกว่าเยอรมันได้เป็นมหาอำนาจทางทหารอยู่แล้วต้องการจะทำสงครามกับรัสเซียในปี ค.ศ.1914 เพราะเป็นเวลาที่แสนยานุภาพของเยอรมันกำลังแรงสุดเลยและเมื่อแรงสุดแล้วก็จะมีแต่จะลดลงๆผิดกับรัสเซีย

ซึ่งกำลังจะปฏิรูปด้านกองทัพอยู่และก็มีการปฏิวัติในอุตสาหกรรมในประเทศด้วยแล้วถ้าเกิดว่ารัสเซียนั้นได้ทำสำเร็จประเทศรัสเซียนั้นก็จะลายเป็นประเทศใหม่แห่งมหาอำนาจในยุโปรจากนั้นก็ดันให้เยอรมันตกกระเป๋าลงไปคู่กรณีของสงครามโลกครั้งที่1ก็จะแบ่งออกเป็นสองฝ่ายได้แก่ ฝ่ายไตรภาคีที่นำโดยอังกฤษฝรั่งเศสรัสเซียและฝ่ายมหาอำนาจกลางที่นำโดยเยอรมันออสเตรียฮังการีทั้งหมดทั้งปวงนี้ที่เราได้เก่นไปให้แล้วคราวนี้เราจะกลับมาที่จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เป็นจักรวรรดิที่เกิดขึ้นของการจับมือรวมอำนาจของ2ราชวงศ์นั่นก็คือราชวงศ์ออสเตรียและราชวงศ์ฮังการีมีทั้งสิ้น2จักรวรรดิใหญ่เป็นอันดับสองรองจากจักรวรรดิรัสเซียแต่อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพทางการทหารก็ยังด้อยกว่าจักรวรรดิเยอรมันอยู่บ้าง

ซึ่งเนื่องจากทั้งสองจักรวรรดิเป็นพันธมิตรที่แน่นเหนียวมากเราหมายถึงออสเตรียเยอรมันกับฮังการีนอกจากนี้จักรวรรดิออสเตรียฮังการีได้ผนวกดินแดนที่เรียกว่าบอสเนียเอาไว้ภายใต้จักรวรรดิด้วยบอสเนียต้องการเอกราชมันจึงได้มีความขัดแย้งมากขึ้นมาเรื่อยๆเซอร์เบียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านได้แอบสนับสนุนบอสเนียอยู่และเซอร์เบียก็ได้เป็นพัมธมิตรกับรัสเซียและรัสเซียก็ได้เป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสและอังกฤษถ้ารบกับเซอร์เบียก้เท่ากับว่าจะต้องรบกับอังกฤษฝรั่งเศสและที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือจะต้องรบกับรัสเซียได้

ดังนั้นรัฐบาลฮังการีจึงได้รองสัญญาณการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมันก่อนที่จะทำอะไรลงไป เมื่อไคเซอร์ วิลเฮมที่2 กษัตริย์เยอรมันได้ส่งสัญญาณลับมาว่าถ้าเกิดมีสงครามขึ้นมาจริงๆเยอรมันพร้อมรวมรบกับ ออสเตรีย-ฮังการีแน่นอน

เมื่อได้รับสัญญาณดังกล่าวออสเตรียฮังการีก็เลยเดินหน้าเต็มสตีมเลยคำว่าเดินหน้าเต็มสตีมหมายความว่าหาเรื่องที่จะรบนั่นเองโดยการยื่นคำขาด10ข้อให้กับรัฐบาลเซอร์เบียให้ปฏิบัติตามซึ่ง10ข้อนั้นจะมีรายละเอียดกันยังไงแต่ก็เราขอพูดกันอีกนี้ก็พอเพราะว่ามันเยอะและยาวมากแต่ว่ามันเป็นข้อเสนอที่ออกแบบมาที่จะให้รับไม่ได้ทำตามไม่ได้ยังไงก็ต้องมีการรบกันอย่างแน่นอน

ภาพวาดช่วงการปฏิวัติ วัฒนธรรมประเทศจีน

สำหรับเศรษฐกิจในประเทศจีนหลังจากที่นายเหมาเจ๋อตงได้เกษียณอายุไปแล้วและได้แต่งตั้งนายพลหลินเปียวเป็นแทนต่อจากนายเหมาเจ๋อตงเศรษฐกิจก็ได้เริ่มฟื่นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนางเจียงชิงหลังจากที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในการประชุมพรรคก็ได้เข้ามาควบคุมงานทางด้านวัฒนธรรมของประเทศผลงานชิ้นโบว์แดงก็คือการเข้าไปในโรงเรียนต่างๆแล้วได้สร้างวิชาศึกษาวัฒนธรรมเหมาในหมู่บ้านเยาวชนและได้ก่อตั้งในสิ่งที่เรียกว่า 

เยาวชนพิทักษ์แดง หรือว่า เรดการ์ด ขึ้นในทุกโรงเรียน นายพลหลินเปียวหลังจากที่เผิงเต๋อฮว๋ายถูกเคี้ยะกระเด็นออกไปแล้วก็ขึ้นมาใหญ่โตแทนหลินเปียวก็เป็นผู้มีส่วนสำคัญมากในการสร้างลัทธิบูชาตัวบุคคลของเหมาขึ้นมา

โดยการสั่งพิมพ์สรรนิพนธ์เหมาแจกหนังสือเล่มนี้ที่มีชื่อเล่นว่าThe Little Red Book ซึ่งทุกคนจะต้องมีและถ้าคุณได้ไปดูภาพถ่ายหรือภาพวาดช่วงการปฎิวัติวัฒนธรรม

นอกจากหมวกที่lconicมากๆคนในรูปทุกคนจะต้องมีหนังสือเล่มแดงเล่มนี้อยู่ในมือด้วยซึ่งได้มีอยู่ช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกเลยที่The Little Red Book เป็นหนังสือที่ถูกตีพิมพ์มากที่สุดในโลกแซงคัมภีร์ไบเบิล 

ซึ่งยืนหนึ่งตลอดกาลหนังสือยอดพิมพ์สูงสุดอยู่หลายปีเลยนี่เรายังไปไม่ถึงแก๊ง4คนเลย

หลังจากที่ได้เกษียณตัวเองมาได้ระยะหนึ่งเหมาเจ๋อตงก็คิดว่าจะCome Backสักทีทั้งนี้รายงานว่าเหมาพูดว่ารู้สึกว่าตัวเองเหมือนบางสิ่งบางอย่างที่คนเคารพแต่ว่าไม่มีใครฟังเหมือนคนแก่ที่ถูกทุกคนกราบไหว้แต่ว่าไม่มีใครได้ให้ความสำคัญจริงๆเราจะต้องไม่ลืมว่ากระบวนการสร้างเยาวชนพิทักษ์แดงและงานด้านวัฒนธรรมในการสร้างลัทธิบูชาตัวบุคคลของเหมาเจ๋อตงได้ดำเนินมาช่วงหนึ่งแล้วตั้งแต่หลังปี1959ดดยเจียงชิงและหลินเปียว พอเหมาเจ๋อตงได้ตัดสินใจที่จะกลับเข้ามาทวงคืออำนาจในปี1966ก็ดูเหมือนว่า ทุกอย่างจะพร้อมพอดี

ในปี1965เหยาเหวินหยวนนักวิจารณ์ละครได้เขียนบทความวิจารณ์ละครเวทีเรื่องไห่ญุ่ถูกขับออกมาจากราชย์สำนักซึ่งได้เขียนโดยข้าราชการระดับสูงสุดผู้หนึ่งเหยาเหวินหยวนได้บอกว่าละครเรื่องนี้มันหลอกด่าประธานเหมาเจ๋อตงชัดๆเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้าราชการผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีได้ถูกฮ่องเต้ขับไล่ออกจากราชสำนักเพราะบังอาจพูดความจริงกับฮ่องเต้

ซึ่งเหยาเหวินหยวนได้บอกว่านี่คือการหลอกด่าประธานเหมาเจ๋อตงในเรื่องของนายหล เผิงเต๋อหวายอาจารย์มหาวิทยาลัยสาขาปรัชญาชื่อเนี่ย หยวนจื่อ ออกมาด่ามหาวิทยาลัยว่ารับใช้ทุนนิยมได้เป็นปักษ์ต่ออุดมการณ์คอมมิวนิสต์นักศึกษามหาวิทยาลัยก็ได้ออกมารับลูกด้วยการทำหนังสือพิมพ์กำแพงที่มหาวิทยาลัยวิจารณ์ความเป็นทุนนิยมและความเป็นอีลีตของอาจารย์และผู้บริหารมหาวิทยาลัย

 

สนับสนุนโดย  bk8

ประวัติวอลเลย์บอลในประเทศไทย 

       สำหรับกีฬาวอลเลย์บอลนั้น ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย แต่จะมีต้นกำเนิดมาจากประเทศไหน และมีการนำกีฬาวอลเลย์บอลมาเล่นกันตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นไม่เคยมีหลักฐานปรากฎอย่างชัดเจน ซึ่งเท่าที่มีการพูดคุยหรือมีการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของประวัติวอลเลย์บอลนั้น มีเรื่องราวเล่ามาว่ามีการเล่นวอลเลย์บอลมากนานนับร้อยปีแล้วเช่นกัน

ซึ่งในช่วงแรกแรกที่วอลเลย์บอลมีการนิยมนำมาเล่นกันในประเทศไทยนั้น คนไทยไม่ค่อยนิยมเล่นกันสักเท่าไหร่ กลุ่มคนที่เล่นวอลเลย์บอลกลุ่มแรกแรกกลับเป็นกลุ่มคนชาวจีนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยและยังมีกลุ่มคนชาวญวณที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเช่นเดียวกัน  ซึ่งหลัง จากที่คนไทยเห็นคนจีนและคน ญวณเล่นกีฬาวอลเลย์บอลกันแล้วจึงอยากจะลองเล่นดูบ้าง

และได้มีการนำกีฬาชนิดนี้ไปจัดการแข่งขัน ตามสถานที่และตามจังหวัดต่างต่าง เพื่อให้คนไทยได้เริ่มรู้จักกีฬาชนิดนี้กันอย่างแพร่หลายนั่นเอง อย่างไรก็ตามหลังจากที่คนไทยเริ่มหันมานิยมเล่นกีฬาวอลเลย์บอลแล้ว ก็พบว่าได้เริ่มมีการคิดที่จะมีการจัดการแข่งขันและมีการชิงรางวัลกันด้วย ซึ่งในช่วงแรกที่มีการจัดการแข่งขันนั้น จะเป็นการจัดงานเฉพาะกลุ่มสโมสร และพวกสมาคมต่างต่าง หรือกลุ่มคนในชุมชนกันซะส่วนใหญ่ ซึ่งแต่ละจังหวัดก็จะมีผู้นำที่มีการริเริ่มให้มีการจัดการแข่งขันนั่นเอง อย่างไรก็ตามกีฬาวอลเลย์บอลเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องกับการศึกษา

เนื่องจากมีการบรรจุเอาไว้ให้มีการสอนในสถานศึกษาด้วย และเมื่อประมาณปี พุทธศักราช 2477  ก็ได้มีการนำข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับกฏกติกาการเล่นกีฬาวอลเลย์บอลของต่างประเทศมาแปลให้เป็นภาษาไทยและได้มีการตีพิมพ์ออกมาเพื่อแจกเป็นหลักสูตรตามสถานศึกษาต่างต่างโดยเฉพาะกับกรมพละศึกษา โดยผู้ที่แปลนั้น ก็คือ คุณนพคุณ พงษ์สุวรรณ

เพราะท่านนั้นถือได้ว่าเป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับ กีฬาวอลเลย์บอลมากที่สุดในขณะนั้นก็ว่าได้  หลังจากที่มีเอกสารแจกให้กับกรมพละศึกษาทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเล่นวอลเลย์บอลในสถานศึกษาจึงได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นเพราะทุกสถานศึกษาก็จะมีการนำการเล่นกีฬาวอลเลย์บอลมาสอนกับเด็กนักเรียน ซึ่งช่วงแรกนักเรียนหญิงจะเป็นผู้ที่สนใจกีฬาชนิดนี้มากกว่านักเรียนชาย และต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2500  

ประเทศไทยก็ได้มีการจัดตั้งสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลสมัครเล่นขึ้นครั้งแรก ที่เป็นของประเทศไทยเอง และยังได้มีการสนับสนุนให้มีการจัดงานการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลตามสถานที่ของหน่วยงานราชการต่างต่าง ไม่ว่าจะเป็น ตามมหาวิทยาลัย  หรือตามกรมพละศึกษาของจังหวัดต่างต่างและยังมีการให้มีการจัดการแข่งขันขึ้นเป็นประจำทุกปีอีกด้วย

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  หวยออนไลน์ขั้นต่ำ 1 บาท