สงครามไทยบุกยึดเชียงตุงคืนจากอังกฤษได้อย่างสำเร็จ

ทหารไทยได้บุกขึ้นไปก็ได้พบว่าทหารจีนได้ถอยไปกันหมดแล้วปล่อยทิ้งศพทหารนานตายเอาไว้อีกทั้งยังได่พบเห็นศพทหารไทยลาดตระเวนที่ได้ถูกจับขังเข้าไว้ให้อดอาหารจนผ่อมโทรมหลังจากนั้นทหารไทยก้ได้เข้ายึดเมืองเชียงตุงได้ในวันที่4มิถุนายน พ.ศ.2485 เป็นระยะเวลากว่า80ปีที่ประเทศไทยเราได้เสียเชียงตุงไป ในสมัยรัชกาลที่3 

เมื่อกองทัพทหารไทยได้เข้ามาถึงในเชียงตุงในตอนแรกชาวบ้านต่างก็ได้เผ่าบ้านเรือนและหนีเข้าไปอยู่ในป่ากันหมดเพราะคิดว่าเป็นทหารของญี่ปุ่นหลังจากที่ได้ทราบข่าวกันดีแล้วว่าเป็นกองทัพของทหารไทยก็ตีฆ้องร้องประกาศและดีใจและได้รีบเข้าต้อนรับกันเป็นอย่างดีหาอาหารมาให้กินตามมีตามเกิด เพราะทหารจีนได้เผาเชียงตุงไปเกือบหมดไปทั้งเมืองเหลือเอาไว้แค่เพียงตึกสามหลังที่มันยังสามารถใช้การได้พร้อมกับว่าปล้นอาหารชาวบ้านและส่วนอาหารที่ไม่สามารถขนไปได้ก็เผาทิ้งไปจนหมดไม่เหลือแถมยังทำลายข้าวของเครื่องทำมาหากินของชาวบ้านไปจนหมดรวมไปถึงโคกและอื่นๆอีกมกมาย 

เช้าในวันรุ้งขึ้นในวันที่5มิถุนายน ค.ศ.2485 ทหารไทยได้เดินขบวนเข้าที่เมืองเชียงตุงอย่างเป็นทางการชาวบ้านที่ได้หนีเข้าป่าไปได้ออกมาทำการต้านรับทหารไทย โดยได้มีดอกไม้และธูปได้มอบให้กับทหารไทยด้วยใบหน้าที่ยิ้มหลังจากนั้นผู้ที่ได้ครองนครเชียงตุงก็ได้ออกมาทำการต้านรับทหารไทยและทำพิธีส่งเมืองให้จอมพลผินชุณะวัณ

ตลาดจนที่ทหารไทยที่ได้เข้ามาที่เมืองเชียงตุงก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะแสดงความดีใจอะไรนอกเสียจากความสงสารที่มีให้แก่ชนเชื้อชาติเดียวกันเชื้อสายเดียวกันพูดภาษาเดียวกันนับถือศาสนาและวัฒนธรรมเดียวกันคือคนไทเขินและคนไทใหญ่ที่ต้องมาล้มตายจากสงครามและซากเมืองที่ได้พัง พินาศ

นอกจากนี้ทหารไทยยังอ่อนล้าจากการสู้รบและโรคระบาดโดยเฉพาะโรคมาลาเรียที่ทหารกว่า25%ของทั้งกองทัพจะต้องงหมดสภาพในการสู้รบจากการติดเชื้อเพื่อเป็นการปล่อยข่าวรวงจอมพลผินชุณหะวัณต้องประกาศว่ากองกำลังญี่ปุ่นจะมาสมทบในเร็วๆนี้เพราะรู้กันว่าทหารจีนกลัวทหารญี่ปุ่นและดูเหมือนว่าจะได้พบทหารจีนได้ถอยออกไปเรื่อยๆทหารไทยก็ตามตีอย่างไปถอยและสิ่งที่ยากลำบากกว่าการต่อสู้ก็คือการเดินทางที่ยากลำบากทหารจีนได้ระเบิดสะพานในทุกๆแห่ง

เพื่อที่จะสกัดการติดตามแต่ในการที่สร้างสะพานขึ้นมาใหม่มันกลับยากลำบากยิ่งกว่าเพราะฐานสะพานที่อ่อนแอลงทำให้ทหารช่างต้องเสียชีวิตและได้ตกลงไปในหุบเหลวและแม่น้ำเวลาพักผ่อนของทหารก็ไม่เต็มที่เนื่องจากถูกสัตว์ต่างๆรบกวนเมื่อได้ทำการบุกอย่างต่อเนื่องจนสามารถครอบครองรัฐฉานได้ทังหมดในเดือน มกราคม พุทธศักราช2486ไทยได้สถาปนาดินแดนใหม่แห่งนี้ว่าสาธารณรัฐไทย เดิมและแต่งตั้งพลตรีผินชุณหะวัณดำรงตำแหน่งข้าหลวงพร้อมกับเลื่อนยศเป็นพลโท

 

สนับสนุนโดย  entaplay thailand

ดร.มาร์เซล เพททิออต หลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อที่กำลังจะหนีตาย

ดร.มาร์เซล เพททิออต ได้เริ่มปล่อยข่าวออกไปว่าเขาได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ฝ่ายสัมพันธมิตรที่ได้มีส่วนรวมในการพัฒนาพิเศษอาวุธ สำหรับต่อต้านพวกนาซีอย่างลับๆและเขายังได้ติดต่อกับพวกฟาสซิสต์ใต้ดินของฝรั่งเศส ซึ่งสามารถลักรอบพาทุกคนที่ตำรวจลับตามไล่ล่าให้หลบหนีไปทางประเทศสเปนคิวบาอเจนติน่าหรือทางประเทศอื่นๆทางอเมริกาใต้ได้

เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ต้องการจะลี้ภัยเขาก็ยิ่งดีที่จะให้ความช่วยเหลือหากแต่ว่าคนคนนั้นจะต้องมีเงินทองจำนวนก้อนใหญ่อย่างไม่น้อยเพราะค่าใช้จ่ายในการดำเนิดการมันมีค่อนข้างสูงอีกทั้งทุกคนที่จะเดินทางหนีข้ามประเทศก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการฉีดยาป้องกันโรคก่อนที่จะผ่านเข้าสู่ประเทศปลายทางที่ข้อลี้ภัย ข่าวปล่อยของ ดร.มาร์เซล เพททิออต

ทำให้พวกกลุ่มต่อต้านนาซีชาวยิว ซึ่งกำลังเสียขวัญก็ได้แห่พากันมาขอให้ดร.มาร์เซล เพททิออต ให้ช่วยดำเนินการอพยพอยู่หลายคนโดยดร.มาร์เซล เพททิออตได้บอกกับลูกค้าแต่ละคนว่าจะพาหลบหนีไปยังประเทศต่างๆตามที่พวกเขาต้องการผ่านทางประเทศโปรตุเกสแต่จะต้องเสียค่าดำเนินการ25,000ฟันต่อคน

ซึ่งถือว่าได้เป็นจำนวนเงินที่สูงอยู่พอสมควรที่สุดในสมัยนั้นแต่อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่จะหนีตายเงินทองมากมายแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตพวกเขาจึงตอบตกลงยอมรับข้อเสนอของ ดร.มาร์เซล เพททิออต แทบจะทันทีหลังจากที่บรรดาเหยื่อกระเป๋าหนักได้ยอมรับข้อเสนอแล้ว ดร.มาร์เซล เพททิออต จะบอกให้พวกเขาหอบหิ้วทรัพย์สินมีค่าที่ต้องการจะขนย้ายออกนอกประเทศติดตัวมาให้หมดเลยได้มีการนับพบกันในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อพวกเขาได้มาถึง ดร.มาร์เซล เพททิออต

ก็จะให้เหยื่อทั้งหลายถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อฉีดยาป้องกันโรคไข้ทรพิษแต่ในความเป็นจริงยาที่ได้ถูกฉีดเข้าไปนั้นกับเป็นยาพิษไซยาไนด์ที่จะทำให้เหยื่อทุกคนต้องจบชีวิตคนอย่างแสนทรมานแล้วหลังจากนั้น  ดร.มาร์เซล เพททิออต ก็จะทำการยึดเอาทรัพย์สินและของมีค่าทั้งหมดมาเป็นของตนเองพร้อมกับกำจัดศพด้วยการนำเอาไปโยนทิ้งแม่น้ำเซ็นการลวงเหยื่อมาฆ่าของ  ดร.มาร์เซล เพททิออต สร้างผลประโยชน์ให้แก่เขาเป็นจำนวนมหาสาน

จากนั้นเขาก็เริ่มที่จะลงทุนต่อยอดด้วยการซื้อคฤหาสน์ร้างหลังใหญ่แห่งหนึ่งนั่นก็คือบ้านเลขที่21ในราคา5แสนฟันเพื่อที่จะใช้หลอกล่อเหยื่อมาฆ่าและได้จำจัดศพได้อย่างง่ายดายขึ้น ดร.มาร์เซล เพททิออตได้ทำการว่าจ่ายช่างให้ได้เข้ามาทำการตกแต่งให้เก็บเสียงได้อย่างมิดชิดโบกปูนปิดหน้าต่างประตูทุกบานทุกห้องจนเหลือช่องประตูห้องเอาไว้แค่ช่องละหนึ่งบานเท่านั้น

นอกจากนี้ทุกห้องในคฤหาสน์จะถูกเจาะรูสำหรับถ้ำมองเอาไว้โดยครั้งหนึ่งช่างตกแต่งได้ถาม ดร.มาร์เซล เพททิออตว่าทำไมต้องเจาะช่องสำหรับถ้ำมองเขาได้ตอบว่ามันเป็นช่องสำหรับส่องอาการผู้ป่วยโรคจิตสุดท้ายความลับก็ได้เปิดเผยก็คือมีเตาเผาที่ห้องใต้ดินซึ่งได้มีระบบระบายน้ำอย่างสมบูรณ์แบบ

 

สนับสนุนโดย  แทงบอล next88

ประวัติ บารัค โอบามา

       หากพูดถึงนายบารัคโอบาม่าแล้วเชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักกันอย่างดีเนื่องจากว่าเขานั้นเคยเป็นอดีตประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกามาก่อนซึ่งแน่นอนว่าลำดับการเป็นประธานาธิบดีของเขานั้นอยู่ในลำดับที่ 44 ก่อนหน้าที่ปัจจุบันนี้จะมีโดนัลด์ทรัมป์มาเป็นอันดับที่ 45 นั่นเองอย่างไรก็ตามประวัติของบารัคโอบามานั้นว่ากันว่าเขาเป็นคนที่เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกานี้เอง

ซึ่งพ่อของเขานั้นเป็นคนเคนยาและได้เดินทางมาศึกษาเล่าเรียนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมทักษะพบรักกับแม่ของเขาซึ่งแน่นอนว่าการเป็นรักในวัยเรียนนั้นย่อมอยู่ได้ไม่ยั่งยืนซึ่งเมื่อ นายบารัคโอบามาเกิดได้เพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นพ่อกับแม่ของเขาก็แยกทางกันโดยพ่อของเขานั้นกลับไปประเทศบ้านเกิดของตนเองในขณะที่ตัวเขานั้นต้องอยู่กับผู้เป็นแม่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และแน่นอนว่าพ่อของเขานั้นก็ไปแต่งงานใหม่ส่วนแม่ของเขานั้นก็แต่งงานใหม่เช่นเดียวกันโดยแม่ของเขานั้นได้แต่งงานกับชาวอินโดนีเซีย

ซึ่งจำเป็นที่บารัคโอบามานั้นจะต้องย้ายไปเรียนหนังสือที่อินโดนีเซียแต่อย่างไรก็ตามพออายุ 10 ขวบเขาก็ถูกส่งตัวมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาโดยมาอยู่กับตากับยายที่เมืองฮาวาย พออายุได้ 21 ปีพ่อของบารัคโอบามาก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และหลังจากนั้นประมาณ 24 ปีเขาก็ต้องสูญเสียแม่อีกครั้งจากการที่แม่ของเขานั้นเป็นโรคมะเร็งในรังไข่

สำหรับบารัคโอบามานั้นหลายคนรู้จักเขาในครั้งแรกจากการที่เขานั้นเป็นคนเขียนหนังสือโดยเขาได้เขียนหนังสือเพื่อระลึกถึงพ่อของเขาที่เสียชีวิตไปโดยในหนังสือของเขานั้นมีคติความคิดที่ดีที่หลายคนนั้นชอบจึงทำให้หนังสือของเขานั้นเป็นหนังสือที่ขายดีมากที่สุดอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว การแน่นอนว่าประมาณนั้นเขาได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและได้พบรักกับแฟนสาวจากที่นั่น

และชีวิตในวัยทำงานของเขานั้นเขาเริ่มมาจากการที่เขาเป็นทนายความโดยเขาจะเน้นดูแลในเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องของสิทธิมนุษยชนซึ่งหลังจากที่เขาได้ทำงานมาเรื่อยๆเขาก็ได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกในลัทธิดูหน่อยและนั่นเองที่เป็นการเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการการเมืองของเขาในที่สุดและสุดท้ายนั้นเขาก็ถูกได้รับคัดเลือกจากคนในประเทศสหรัฐอเมริกาให้ได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 แน่นอนเขาคือประธานาธิบดีคนแรกที่มีผิวสี และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ผู้คนต่างการชื่นชอบในแนวความคิดของเขากันอย่างมาก ซึ่งถือได้ว่าเขาคือนักการเมืองที่ทั้งหนุ่มและมีแนวความคิดที่ดี ที่ประชาชนและนักข่าวต่างก็ชื่นชอบนั่นเอง

 

 

สนับสนุนโดย  entaplay poker

ประวัติของ โดนัลด์ทรัมป์  

โดนัลด์ทรัมป์  มีชื่อเต็มว่าโดนัลด์ทรัมป์ เขาเกิดที่นครนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับโดนัลด์ทรัมป์  นั้นเขาเป็นลูกคนที่ 4 ของครอบครัว  อยู่ในสมัยที่โดนัลด์ทรัมป์   ยังคงเป็นเด็กนั้นพ่อของเขานั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็นชื่อ  The Trump   organisation   ในสมัยที่โดนัลด์ทรัมป์  อายุเพียงแค่ 13 ปีนั้น

เข้าได้ถูกพ่อแม่ส่งให้ไปเรียนโรงเรียนสำหรับฝึกทหาร ช่วยพ่อกับแม่ของเขานั้นมองเห็นว่าโดนัลด์ทรัมป์  เรื่องนิสัยไม่ดีและมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจึงได้ส่งไปเพื่อไปดัด นิสัยและที่นี่เองที่เป็นที่ที่เขาเรียนจบในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหลังจากนั้นเขาก็ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยอีก 2 ปี

และหลังจากนั้นเขาก็เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวในขณะนั้นที่มีการสอนเกี่ยวกับเรื่องของการเรียนเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์และเมื่อโดนัลด์ทรัมป์  เรียนจบแล้วเขาก็ได้มาทำงานในบริษัทของครอบครัวหลังจากนั้นโดนัลด์ทรัมป์  ก็กลายมาเป็นคนที่เข้ามาดูแลกิจการและเป็นคนที่สืบทอดกิจการของพ่อเขาอย่างเต็มตัวและเมื่อพาได้เข้ามาดูแลธุรกิจอย่างเต็มตัวแล้วเขาก็ได้มีการขยายธุรกิจของเขาให้ใหญ่โตขึ้นด้วย

การเปลี่ยนไปหารายได้จากการดูแลอสังหาริมทรัพย์แล้วทำให้ธุรกิจของเขานั้นโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่แน่นอนว่าเขามีผลงานโดดเด่นอย่างเรื่อยๆซึ่งผลงานชิ้นแรกของเขานั้นเขาได้มีการทำให้โรงแรมจากที่เคยเป็นโรงแรมเก่าทรุดโทรมเรียกได้ว่าแทบจะหมดสภาพกลายมาเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีความทันสมัยมากที่สุดเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ใครๆต่าง

ก็อยากมาพักซึ่งหลังจากนั้นชื่อเสียงของบริษัทของโดนัลด์ทรัมป์  ก็มีมากขึ้น มีคนมาจ้างให้บริษัทของโดนัลด์ทรัมป์  ทำงานเยอะขึ้นทำให้เขานั้นมีรายได้จนในที่สุดเขาก็สามารถสร้างตึกของเขาเองซึ่งเป็นตึกที่มีความสูงและมีความใหญ่โตทันสมัยอยู่ใจกลางเมืองเลยทีเดียว หลังจากนั้นโดนัลด์ทรัมป์   ก็ยังมีการขยายธุรกิจไปเป็นธุรกิจอื่นๆอีกหลายอย่างจนสร้างรายได้ให้เขาจนกลายเป็นระดับมหาเศรษฐีเลยทีเดียว ซึ่งจากเขาจะขยายฐานธุรกิจของเขาภายในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว

เขายังมีโรงแรมภายใต้แบรนด์ของเขาเองนั้นอยู่อีกหลายประเทศด้วยกันในที่สุดนั้นโดนัลทรัมนั้นก็ได้มีการอยากจะมีการเปลี่ยนชีวิตของตนเองโดยเขาอยากเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาซึ่งในที่สุดเขาก็ได้มีการลงเลือกตั้งและสามารถชนะการเลือกตั้งในที่สุดซึ่งขณะนี้เขาได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 เป็นที่เรียบร้อยแล้วและปัจจุบันนี้ในปีพศ2563

โดนัลด์ทรัมป์ก็ยังคงเป็นประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ อย่างไรก็ตามโดยนั้นตามนั้นเขาได้มีประวัติเกี่ยวกับเรื่องของทรัพย์สินเงินทองที่มากมายมหาศาลรวมสินเขายังเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่มีอายุมากที่สุดอีกด้วยและแน่นอนโดนัลด์ทรัมป์นั้นยังไม่เคยเป็นข้าราชการหรือไม่เคยรับใช้การเป็นทหารมาก่อนด้วยเช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย  entaplay ดี ไหม

ตำนานเรื่องมนุษย์กินคนของชนเผ่าบาเตาะ

สำหรับเรื่องของตำนานชนเผ่ามนุษย์กินคนในพื้นที่ประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังไม่ค่อนมีใครที่จะสนใจมากเท่าไหร่เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่นานมาแล้วและเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อนสนใจกัน ซึ่งมนุษย์กินคนนี้ได้เป็นเรื่องที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสที่ไม่ค่อนมีใครสนใจและชนเผ่ากินคนนี้ก็ได้มีชื่อว่า บาเตาะ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะมีนิสัยที่ดุร้ายและชอบกินเนื้อมนุษย์มากที่สุดในพื้นที่และพวกชนเผ่า

บาเตาะนั้นพวกจะไม่กินเนื้อพวกกันเอง และพวกเขายังได้มีวิธีในการทดสอบกลุ่มคนในชนเผ่าเดียวกันก็คือจะทดสอบกับผู้คนที่มีอายุมากแล้วก็จะให้ผู้สูงอายุคนนั้นปีนต้นไม้หากปีนได้ก็ถือว่าผู้สูงอายุคนนั้นรอดแต่ถ้าหากว่าปีนไม่ได้ก็จะถือว่าไม่มีประสิทธิภาพและจะถูกทำร้ายทุบตีและก็จะนำเอาเนื้อมากินเป็นอาหารในมื้อนั้นและ

สาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านเขารู้ว่าในพื้นที่ได้มีชาวบาเตาะที่กินคนอยู่นั้นเพราะ เนื่องจากว่าได้มีคนในชุมชนที่ได้หายตัวไปอย่างลึกลับที่ไม่ทราบสาเหตุในการหายตัวไป ผู้นำในชุมชนในสมัยนั้นก็มองเห็นทาว่ามันจะไม่ดีแล้วเพราะ

เนื่องจากชาวบาเตาะได้เริ่มออกอารวาดและเป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้านที่อยู่ในสมัยนั้นมากๆจึงได้ออกอุบายให้หาชาวบ้านที่สามารถพูดภาษาบาเตาะได้ให้เข้าไปทำการเจรจาว่าจะมีฝรั่งเข้ามาขอซื้อขั้ง ซึ่งขั้งก็คือยางของไม้ชนิดหนึ่งในสมัยนั้นอังกฤษได้ปกครองมาลาเซียอยู่มักจะชอบซื้อของป่านำเอาไปขายอยู่เสมอและชาวบาเตาะก็ได้รับข้อเสนอเหล่านั้นโดยที่พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่านี่มันคือกลอุบายที่จะล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเขาพวกเขาก็เลยเข้าไปเก็บขั้งนำเอามาไว้ที่บ้านของพวกเขาเป็นจำนวนมาก โดยที่พวกเขานั้นไม่ได้รับรู้มากก่อนเลยว่าแท้ที่จริงแล้วขั้งหรือว่ายางไม้ชนิดนี้ได้เป็นฉนวนที่ไวไฟเป็นอย่างมากเลย

ในคืนคืนนั้นชาวบ้านก็ได้หลอกชาวบาเตาะว่าเรามาฉลองกันดีกว่าเดียวอีกวันพวกฝั่งก็จะเข้ามาซื้อขั้งของพวกเราแล้วและด้วยคนชาวบาเตาะเขาไม่ได้คิดอะไรชาวบ้านก็ได้นำเอาพืชชนิดหนึ่งและพืชชนิดนั้นก็คือหัวกลอยมันจะออกฤทธิ์จึงทำให้สลบโดยจะต้มถั่วเขียวผสมเข้าไปกับหัวกลอยให้กินกันทั่วชนเผ่าเลย

แน่นอนว่าชาวบาเตาะไม่รู้เรื่องอะไรเลยกินกันอย่างอร่อยผลของพืชชนิดนี้มันได้ทำให้พวกเขาหลับและไม่รู้สึกตัว เมื่อชาวบาเตาะได้ลับกันหมดล้วชาวบ้านก็เลยจุดไฟเผาทั้งเป็นโดยจะใช้ขั้งที่ชาวบาเตาะเก็บมาเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีในการเผาไหม้แต่แผนการของชาวบ้านก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นร้อยเปอร์เซน

 

สนับสนุนมาจาก  entaplay

ทอมัสเอดิสันทำไมถึงได้หักหลัง นิโคล่า เทสลา

สำหรับเรื่องราวของ นิโคล่า เทสลา ที่เขาต้องการเข้ารวมทำงานกับ ทอมัสเอดิสัน ก็เพราะว่าเขานั้นอยากต้องการที่จะทำตามความฝันของตัวเองและ  นิโคล่า เทสลา เขาก็ได้ทำงานในสิ่งที่เขาชอบแต่ทุกท่านเชื่อหรือไม่ว่า ทอมัสเอดิสัน เขาได้ทำการหักหลัง  นิโคล่า เทสลา หลังจากที่เขาได้เข้ามาทำงานได้ไม่นานนี้เองคือตรงนี้เราได้ไปหาข้อมูลมาและได้สรุปออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยตรงนี้เขาได้บอกเอาไว้ว่า ทอมัสเอดิสัน เขาต้องการให้ นิโคล่า เทสลา ทำการปรับปรุงพัฒนาไดนาโมกระแสไฟฟ้าตรงให้มันมีประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นให้มันได้มีความเสถียรมากยิ่งขึ้นถ้า  นิโคล่า เทสลา สามารถทำได้เขาก็จะมอบเงินจำนวน5หมื่นดอลลาร์ไปเต็มแยกกับเงินเดือนไปเลย

ซึ่งถ้าเกิดว่าเปรียบเทียบกับเงินดอลลาร์ในปัจจุบันก็จะตีประมาณ1.7ล้านบาท แต่1.7ล้านตรงนี้ถ้าเราได้ย้อนกับไปเมื่อประมาณเกือบ200ปีก่อนมันเป็นเงินหลักร้อยล้านในยุคปัจจุบันเลย ซึ่งถือได้เลยว่ามันเป็นเงินจำนวนที่เยอะมากๆและเมื่อ  นิโคล่า เทสลา เขาได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้ตอบตกลงแบบไม่รอช้าเขาได้ใช้ระยะเวลาสั้นๆ

เพียงแค่ไม่นานเขาก็สามารถที่จะแก้ไฟฟ้ากระแสตรงของ ทอมัสเอดิสันได้แต่ว่า ทอมัสเอดิสันเขาไม่ยอมจ่ายเงินที่เขาได้สัญญาณเอาไว้และเขายังได้บอกกับ  นิโคล่า เทสลา อีกด้วยว่า  นิโคล่า เทสลานายไม่เข้าใจความอารมณ์ของของชาวอเมริกันชินะ ซึ่งคำพูดตรงนี้มันได้ทำให้  นิโคล่า เทสลา ไม่พอใจ ทอมัสเอดิสัน อย่างรุนแรง

จึงได้ตัดสินใจลาออกจากบริษัททอมัสเอดิสันตั้งแต่ตอนนั้นเลยและในเวลาตอมาในช่วงเวลาประมาณ ค.ศ.1886 ชื่อเสียงของ   นิโคล่า เทสลา เกี่ยวกับผลงานวิจัยกระแสไฟฟ้าสลับก็เริ่มมีชื่อเสียงไปเรื่อยๆจนเข้าไปถึงหูRobert LaneและBenjamin Vale ซึ่งทั้งสองคนนี้ก็คือผู้เชียวชาญการจัดตั้งบริษัทที่หาผลประโยชน์จากการสร้างสิ่งประดิษฐ์และการจดสิทธิใบเขาสองคนนี้ก็ได้เข้ามาสนับสนุนเรื่องของเงินทุนและเรื่องของสิทธิใบให้กับ  นิโคล่า เทสลา

ปรากฎว่าในเวลาต่อมาไม่นาน  นิโคล่า เทสลา ก็สามารถที่จะคิดค้นและได้พัฒนามอเตอร์ให้มันสามารถทำงานร่วมกับกระแสไฟฟ้าสลับได้จนสำเร็จและยังได้มีประสิทธิภาพที่ดีอีกด้วย ซึ่งตรงนี้ได้เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนหันมาสนใจเกี่ยวกับเรื่องของไฟฟ้ากระแสสลับมากกว่าไฟฟ้ากระแสตรงจนทำให้บริษัทเวสติงเฮาส์ต้องสละเงินถึง1ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

เพื่อเพื่อซื้อสิทธิใบในการคุ้มครองผลงานของ  นิโคล่า เทสลา และเขายังได้จ้าง นิโคล่า เทสลาให้มาเป็นที่ปรึกษาอีกด้วย ซึ่งตรงนี้เองเลยทำให้ ทอมัสเอดิสัน ไม่พอใจอย่างรุนแรงเขาเลยมีการทำลายชื่อเสียงของ นิโคล่า เทสลา ด้วยการปล่อยข่าวเสียๆหายๆเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าสลับและไล่จี้ให้นักการเมืองในยุคนั้นที่เขาได้รู้จักเผยแพร่และได้ปล่อยข่าวออกไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  next88

สงครามโลกระหว่าง อังกฤษ กับ ญี่ปุ่น

สาเหตุที่เยอรมันได้คิดที่จะเช้าบุกโปแลนด์ในครั้งนี้นั้นมันก็เป็นเพราะว่าดินแดนที่โปแลนด์ได้อาศัยอยู่นั้นมันก็ได้มีดินแดนของเยอรมันอยู่ด้วยจากนั้นเขาคิดที่จะบุกเข้าไปถามว่า อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส จะทำแบบเดิมหรือไม่แล้ว อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส

ได้เห็นเหตุการณ์เชโกสโลวาเกียก็ได้บอกว่าไม่ได้แล้วถ้าเราอ่อนข้อให้เยอรมันก็จะทำการบุกต่อไปๆเรื่อยๆดังนั้น อังกฤษก็เลยบอกโปแลนด์ว่า โปแลนด์จะต้องสู้แล้วถ้าหากโปแลนด์คิดจะสู้แล้วเดี๋ยวเราจะช่วยเองจากนั้นพอโปแลนด์ได้มีความรู้สึกว่ามีอังกฤษที่ค่อยหนุนหลังอยู่และถามว่าโปแลนด์จะยอมให้เยอรมันบุกดีๆหรือไม่ไม่ยอมโปแลนด์

ก็เลยสู้กลับทั้งสองฝ่ายก็เลยได้ประกาศสงครามกันขึ้นมาในตอนนั้น แต่เยอรมันเองเขาก็ไม่ได้โง่ซักเท่าไหร่ก่อนที่เขาจะเข้าไปบุกโปแลนด์ทางเยอรมันก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าตัวเองนั้นได้ตั้งอยู่ตรงกลางทวีปยุโปรถ้าสมมุติว่าเราไม่ได้ทำสงครามกับฝั่งนี้ที่กำลังทะเลาะกันอยู่ตรงนี้แล้วก็มีอีกฝั่งหนึ่งเข้ามาบุกและจะเกิดอะไรขึ้น

คืออีกฝั่งหนึ่งก็มีประเทศที่น่ากลัวอยู่ก็คือ สหภาพโซเวียตนั่นเอง ดังนั้นทางเยอรมันก็เลยเข้าไปทำการตกลงอะไรบางอย่างกับสหภาพโซเวียตล่วงหน้าประมาณว่าเราจะเข้าไปบุกโปแลนด์นายอย่ามาตีเราเดี๋ยวเราบุกโปแลนด์เสร็จนายก็มาตีโปแลนด์แล้วเราก็มาแบ่งกันดังนั้นเยอรมันก็ได้ใจเล็กน้อยแล้วก็ไม่ค่อยกลัวประเทศอื่นซักเท่าไหร่ นอกจากนี้อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส ยังได้ร่วมกันทำอีกอย่างหนึ่งก็คือร่วมกันขับไล่สหภาพโซเวียตออกจากลีกอ๊อฟเนชั่น

เพราะว่า ลีกอ๊อฟเนชั่นได้มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้โลกของเราสงบสุขแต่ว่าสหภาพโซเวียตดันไปจับมือกับเยอรมันเข้าไปตีโปแลนด์ไปแล้วเรียบร้อยดังนั้นสองประเทศนี้ได้จับมือกันแล้วก็ทีบสหภาพโซเวียตออกจากลีกอ๊อฟเนชั่นไป ซึ่งบังเอิญว่าจริงๆมันมีคนหนึ่งที่สามารถห้ามได้แต่ดันไม่ห้ามเลยก็คือจีนนั่นเอง ดังนั้นสหภาพโซเวียตก็เลยหันมาทะเลาะกับจีนแทนเหมือนประมาณว่าเราจะโดนไล่ออกทำไมจีนไม่ช่วยสหภาพโซเวียตเลยหลังจากนั้นสงครามในโลกก็ได้เกิดขึ้นมาอย่างหนักขึ้นเยอรมันไปตีฝรั่งเศส

จนสามารถตีจนแตกได้เลย แล้วในการที่บุกเข้าไปตีในครั้งนี้อิตาลีสุดท้ายฝรั่งเศสก็โดนแบ่งแยกไปคนละทิศละทางและแถมยังไปรบกับอังกฤษถึงขั้นที่ว่าเอาระเบิดบินเอาไปทิ้งที่เกาะอังกฤษหลังจากที่ญี่ปุ่นทะเลาะกับจีนมาเป็นระยะเวลาหนึ่งญี่ปุ่นก็รู้สึกว่าฉันตีจีนก็จะตีได้แค่ฝั่งที่ติดกับญี่ปุ่นจีนมันก็ยิ่งใหญ่ไปอีกต้องไกลถ้าเราปล่อยเอาไว้แบบนี้

เดี๋ยวจีนพอเราตีตรงนี้มันก็จะหนีไปตรงนั้นตรงนี้ดันนั้นเราจะต้องปิดรอบประเทศจีนดังนั้นญี่ปุ่นก็เริ่มที่จะยึดพื้นที่ต่างๆที่อยู่รอบประเทศจีนรวมไปถึงเอเชียตะวันออกเฉียบใต้อีกด้วยและนี้มันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ไทยที่เวียดนามและที่ประเทศต่างๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บพนัน csgo

ตำนาน สะพาน นวลฉวี

ตำนานของนวลฉวีรุ่งเพชรนั้นเป็นตำนานที่เกิดขึ้นจริงซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีพศ 2502 เรื่องราวความรักที่นำไปสู่การฆาตกรรมเรื่องนั้นมีอยู่ว่าหญิงสาวที่ชื่อว่านวลฉวีนั้นเป็นหญิงสาวที่มีฐานะร่ำรวยแต่เธอไม่ใช่คนสวยอะไรเธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยพยาบาลที่ศิริราชและเมื่อเธอเรียนจบเธอก็ไปทำงานอยู่ที่สถานพยาบาลยาสูบซึ่งมีพื้นที่อยู่ทางภาคเหนือแล้วเมื่อนางสาวนวลฉวีได้ไปทำงานที่นั่นเธอก็ได้พบรักกับคุณหมอท่านหนึ่งที่ชื่อว่าคุณหมอทิพย์ทั้งคู่รักใคร่กลมเกลียวกันดี

และได้เป็นสามีภรรยากันในนามพฤตินัยแต่ไม่ได้แต่งงานกันแล้วไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่นั้นเป็นแฟนกันหลังจากที่ทั้งคู่คบกันผ่านไปได้ไม่นานก็มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำซึ่งสาเหตุของการทะเลาะกันมันก็มาจากความหึงหวงที่นางสาวนวลฉวีมีต่อคุณหมออาธิปเนื่องจากคุณหมออาทิตย์เป็นคุณหมอรูปหล่อ จึงมักมีผู้หญิงมายุ่งเกี่ยวด้วยตลอดทำให้นางสาวนวลฉวีเกิดความไม่พอใจและหวงจึงได้มาแสดงตนที่โรงพยาบาลที่หมออาธิป ทำงานอยู่

โดยนางสาวนวลฉวีนั้นจะมานั่งเฝ้าหมออาธิปทุกวันซึ่งสร้างความรำคาญให้กับหมออาธิปหลังจากนั้นหมออาธิปจึงได้ตัดปัญหาด้วยการจดทะเบียนสมรสกับนางสาวนวลฉวีโดยมีการจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 11 เดือนมีนาคมปีพ.ศ 2502 แต่หลังจากนั้นไม่นานประมาณวันที่ 11 เดือนมีนาคมปีพ.ศ 2502  

ทางด้านหมออาธิป ก็ได้มีการไปจดทะเบียนสมรสซ้อนกับนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่านางสาวสมบูรณ์ซึ่งตอนที่นางสาวสมบูรณ์จดทะเบียนกับหมออาธิป นั้น นางสาวสมบูรณ์ก็รู้ดีว่าหมออาธิปกับนางสาวนวลฉวีนั้นจดทะเบียนสมรสกันไปเรียบร้อยแล้วและเธอเป็นการจดทะเบียนซ้อนไปเธอก็ยอมจดและหลังจากนั้นมาทั้งทางนางนวลฉวีและนางสาวสมบูรณ์ต่างก็พากันมานั่งเฝ้าหมออาธิป 

ที่โรงพยาบาลและมักจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำเดินทางโรงพยาบาลต้องห้ามทั้งสองคนเข้ามาในเขตพื้นที่ของโรงพยาบาลอย่างไรก็ตามตั้งแต่หมออาธิปได้มีการจดทะเบียนกับนางสาวสมบูรณ์เขาก็ไม่สนใจนางสาวนวลฉวีอีกเลยแล้วทั้งคู่มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่อยมานางสาวนวลฉวีนั้นได้ไปเชิญตัวพ่อแม่ของหมออาธิป มาที่บ้านให้มาเจอกับพ่อแม่ของเธอเพื่อหวังจะให้ทั้ง 2 ครอบครัวงานแต่งงานให้แต่หมออาธิปก็ปฏิเสธและไม่ต้องการแต่งงานกับนางสาวนวลฉวี

ซึ่งหลังจากนั้นนางสาวนวลฉวีก็ยังคงตามหึงหวงหมออาธิปเรื่อยมาจนในที่สุดก็มีคนพบศพนางสาวนวลฉวีถูกฆ่าตายและนำศพมาโยนทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วเมื่อมีการสืบสวนก็ทำให้พบว่าคนที่ฆ่านางสาวนวลฉวีนั้นก็คือหมออาธิป นั่นเองตั้งแต่นั้นมาสะพานที่มีการพบศพของนางสาวนวลฉวีจึงถูกเรียกกันว่าสะพานนวลฉวีนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  bk8

ประวัติ โค้ชเช  โค้ชกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย

        หากพูดถึงโค้ชเชทุกคนต้องรู้กันอย่างนี้อยู่แล้วว่าโค้ชเชนั้นเป็นคนชาติเกาหลีซึ่งมาทำงานอยู่ที่เมืองไทยแห่งนี้ แค่นั้นจบจากมหาวิทยาลัยที่ประเทศเกาหลีใต้โดยจบจากมหาวิทยาลัยคังวอนและยังมีการเรียนเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องของสาขาการจัดการด้านกีฬาก่อนหน้านี้โค้ชเชนโพสต์ให้กับนักกีฬาของทีมชาติบาห์เรนแต่หลังจากที่หมดสัญญากับทีมชาติบาห์เรนเมื่อประมาณปี 2000 นั้นทางทีมชาติไทย

ก็ได้มีการไปทาบทามให้โค้ชเชนั้นมาเป็นโค้ชประจำอยู่ที่ประเทศไทยและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโครเชต์นั้นก็มาอยู่ที่เมืองไทยโดยตลอดโดยในช่วงที่โค้ชเชมาอยู่ที่เมืองไทยใหม่ๆนั้น  โค้ชเช ค่อนข้างที่จะมีปัญหากับการพูดคุยกับนักกีฬารวมถึงการสื่อสารการแสดงออกกับคนอื่นเนื่องจากว่าคนนั้นยังไม่เข้าใจภาษาไทยมากนัก

ซึ่งเขาต้องมีการลงเรียนคอร์สภาษาไทยเป็นพิเศษฝึกอ่านพูดภาษาไทยและพยายามที่จะทำความเข้าใจกับภาษาไทยให้มากที่สุดเพราะเวลาที่มีการพูดคุยกับนักกีฬาของเขาแล้วเขาจะได้สามารถสื่อสารกับนักกีฬาของเขาได้อย่างรู้เรื่องเลยเข้าใจ และ  โค้ชเช  โ ยังไม่พูดถึงเรื่องของอาหารว่าอาหารของเมืองไทยนั้นค่อนข้างที่จะอร่อยและถูกปากเขามากเนื่องจากว่าเดิมแล้วอาหารของเกาหลีก็รสชาติใกล้เคียงกับของคนไทยนั่นเองซึ่งโค้ชเช ได้บอกว่าเขาชอบอาหารของเมืองไทย

หลายอย่างเลยทีเดียวสำหรับคนนั้นตอนนี้เขาเป็นโค้ชที่ฝึกนักกีฬาเทควันโดซึ่งสามารถพานักกีฬาของคนไทยไปสร้างชื่อเสียงได้มากมายหลายรุ่นและทีเดียว ตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะมีโค้ชเช  มาคอยคุมทีมนั้น วงการกีฬาเทควันโดของไทยนั้นค่อนข้างที่จะประสบกับปัญหานักกีฬาไม่สามารถที่จะไปแข่งขันกับคนอื่นได้เพราะเล่นไม่เก่ง

แต่ด้วยทักษะการสอนของโค้ชเช  รวมถึงการท่องเที่ยวที่มีต่อตัวนักกีฬาของเขานั้นทำให้นักกีฬาสามารถที่จะไปแข่งขันเอเชียนเกมส์และสามารถไปแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์โลกได้ซึ่งสามารถได้เหรียญทองมาหลายรายการ  ช่วงประมาณปี 2010 เป็นช่วงที่โค้ชเชหมดสัญญากับทางประเทศไทยซึ่งมีหลายประเทศมากที่พยายามติดต่อโครเชต์

มาเพื่อให้ไปเป็นครูสอนกีฬาเทควันโดให้แต่ในที่สุดแล้วทางคสชเองก็ได้ตอบปฏิเสธกับประเทศไทยและมาต่อสัญญากับประเทศไทยซึ่งเขาให้เหตุผลว่าเขารักประเทศไทยและอยากที่จะเป็นโค้ชสอนเทควันโดที่ประเทศไทยเป็นประเทศสุดท้ายดังนั้นนั่นหมายถึงว่าจะยังคงอยู่กับนักกีฬาเทควันโดที่เมืองไทยจนกว่าเขาจะมีการเกษียณตนเองนั่นเองซึ่งทำให้เราวางใจได้อย่างหนึ่งว่านักกีฬาเทควันโดของไทยเรานั้นจะสามารถไปคว้าเหรียญเงินและเหรียญทองได้อีกหลายรายการเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์

ประวัติหลวงพ่อคูณ 

            สำหรับหลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่นั้นเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่มีผู้คนจากทั่วประเทศให้ความเคารพนับถือกันเป็นจำนวนมากหลวงพ่อคูณนั้นจะมีลูกศิษย์ลูกหามากมายเนื่องจากว่าท่านเป็นพระเถระที่มีคำสั่งสอนที่ไม่เหมือนใคร และหลวงพ่อคูณนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการที่จะสั่งสอนชาวบ้านให้หันมาทำความดีนับถือในพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นหลักคำสั่งสอนของท่านที่ท่านมักจะพูดกับลูกศิษย์ลูกหาของท่าน

ด้วยคำพูดตรงๆไม่อ้อมค้อมรวมถึงท่านั่งของท่านที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุดก็คือการนั่งยองๆและการใช้ที่จุ่มน้ำมนต์เคาะหัวลูกศิษย์ลูกค้าเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหานั้นจดจำคำสั่งสอนของท่านให้ขึ้นใจรวมถึงหลวงพ่อคูณนั้นยังทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมไทยได้มากมายอีกด้วย หลวงพ่อคูณนั้นมักจะมีคำพูดที่เป็นคำพูดไทยแท้แบบโบราณนั่นก็คือคำพูดสมัยพ่อขุนรามคำแหง

แต่ไม่มีใครที่ไม่นิยมสักการะหลวงพ่อคูณเลยถึงแม้ว่าท่านจะพูดไม่ได้สุภาพมากนะแต่ละคำสอนของท่านสามารถนำมาใช้ให้ได้ประโยชน์ขึ้นจริงและอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนนั้นรู้จักหลวงพ่อคูณและก็คือเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อคูณนั้นเองปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางของขลังรุ่นไหนของหลวงพ่อคูณก็ได้ชื่อว่ามีราคาสูงเนื่องจากว่าผู้คนนิยมซื้อไปเก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลและป้องกันภยันตรายได้ สำหรับประวัติของหลวงพ่อคูณนั้นก่อนที่หลวงพ่อคูณจะมาบวชเป็นพระได้ใช้ชื่อเดิมว่านายคูณ  ฉัตร์พลกรัง  

สำหรับประวัติการเกิดของหลวงพ่อคูณนั้นท่านเกิดตรงกับวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันที่ 4 เดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2466 ซึ่งหลวงพ่อคูณนั้นเกิดที่วัดบ้านไร่จังหวัดนครราชสีมาและหลวงพ่อคูณก็เป็นลูกคนโตของพ่อแม่  ซึงครอบครัวของหลวงพ่อคุูณนั้น มีฐานะยากจน ซึ่งก่อนที่หลวงพ่อคูณจะเกิดนั้นแม่ของหลวงพ่อคูณได้ฝันว่ามีเทวดาลงมา

อวยพรให้แม่และพ่อของหลวงพ่อคูณนั้นมีแต่ความสุขตลอดไปซึ่งเทวดาได้บอกว่าพ่อกับแม่ของหลวงพ่อคูณนั้นได้ทำคุณงามความดีมาแล้วหลายภพหลายชาติดังนั้นเทวดาจึงได้มาอวยพรให้ก่อนที่แม่ของหลวงพ่อคูณ ซึ่งเทวดาองค์นั้นยังได้มีการมอบแก้ววิเศษมาให้กับแม่ของหลวงพ่อพูนซึ่งหลังจากที่ฝันได้ไม่กี่วันแม่ของหลวงพ่อคูณก็ได้ตั้งท้องหลวงพ่อคูณมา

สำหรับหลวงพ่อคูณนั้นได้รู้จักกับทางธรรมตั้งแต่อายุประมาณ 6-7 ขวบเท่านั้นเองโดยท่านศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์ที่วัดจนทำให้ท่านรู้สึกสนใจในเรื่องของทางธรรมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  โดยท่านเรียนทั้งทางธรรมและทาง ไสยศาสตร์ และนับตั้งแต่อายุ 21 ปีต้นมาหลวงพ่อคูณก็ได้มีการบวชเป็นพระและไม่เคยสึกมาอีกเลยและท่านก็อาศัยอยู่ที่วัดบ้านไร่มาโดยตลอดเนื่องจากเป็นวัดที่เป็นบ้านเกิดของท่านเอง

 

ขอบคุณ  sagame เอเชีย  ที่ให้การสนับสนุน