4สถานที่ที่ได้มีการทำการทดลองยิงนิวเคลียร์ในอดีต

สถานีทดลองหลัก สหภาพโซเวียต เซมี คาซัคสถาน

เรามาอีกฝาคหนึ่งของสงครามเย็นกันบ้างนี่คือสถานีทดลองของโซเวียตได้มีการปิดเมืองที่จะเอาไว้ใช้ทำในการทดลองยิงขีปนาวุธโดยเฉพาะทั้งหมด154ครั้งในช่วงปี คศ1949ถึง1989และยังรวมไปถึงการทดลองในใต้ดินประมาณ240ครั้งและในชั้นบรรยากาศอีก116ครั้งรวมๆแล้วเทียบแรงระเบิดรวมแล้วมากกว่าที่ ฮิโรชิม่าประมาณ2500ลูกในปัจจุบันหลุมนิวเคลียร์ที่อยู่ในแทบนี้ได้โดยน้ำท้วมขังไปบ้างแล้ว

เกาะNovaya Zemlya รัสเซีย

Novaya Zemlya เป็นดินแดนที่อยู่ห่างไกลออกไปในมหาสมุทรอาร์กติกที่อยู่ในทางตอนเหนือของรัสเซียได้ดูเป็นที่รกร้างดูไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลยนั่นมันก็แปลว่ามันได้เหมาะสมแก่การทดลองนิวเคลียร์เป็นอย่างยิ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี คศ1954 ได้มีการทดลองนิวเคลียร์ไปประมาณ224ครั้งหนึ่งในนั้นได้เป็นระเบิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกได้มีความรุนแรงขนาด57เมกะตันได้รุนแรงกว่าระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิอยู่หลายเท่าในปัจจุบันในหมู่เกาะแห่งนี้ก็ได้ถูกใช้ให้เป็นกองทัพของทหารอีกทั้งยังได้มีเรือสำราณอีกหลายลำยังได้ล่องผ่านทางตอนใต้ของหมู่เกาะแห่งนี้ด้วย

มาราลินกา ใน ออสเตรเลีย

มาราลินกาเป็นพื้นที่ที่ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลียได้ใช้ให้เป็นที่ทดลองนิวเคลียร์ในการทดลองของประเทศอังกฤษในช่วงปี คศ1950 เนื่องจากประเทศอังกฤษนั้นไม่มีพื้นที่ที่จะทำการทดลองนี้ได้ก็ได้โยกย้ายมาทำที่ประเทศออสเตรเลียที่ได้มีพื้นที่นั้นเยอะและกว้างมากพอซึ่งในขณะตอนนั้นก็ยังมีชาวพื้นเมืองอะบอริจินอาศัยอยู่ทางการจึงได้ทำการแก้ไขและได้โยคย้านถิ่นฐานออกไปโดยทั้งหมดหลังจากที่การทดลองจะต้องใช้เวลานานมากและต้องใช้ระยะเวลาปี คศ2000 ทางการจึงได้ประกาศให้พื้นที่แห่งนี้ปลอดภัยแต่ว่าชาวพื้นเมืองอะบอริจินที่ได้โยคย้ายถิ่นฐานออกไปก็ยังไม่ได้รับอนุญาติที่จะให้เข้าไปใช้ชีวิตในถิ่นฐานที่นั่นอีก

โปขราณ อินเดีย

ประเทศอินเดียนั้นก้ได้เริ่มมีการทำยิงนิวเคลียรย์ทดลองในปี คศ1960 ที่กำลังได้มีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านทั้งประเทศจีน และ ประเทศปากีสถาน โดยได้มาทำการทดลองในที่โปขราณพื้นที่ทะเลทรายในแคว้นราชาสถานได้มีประชากรอาศัยอยู่ราวประมาณ50คนจากนั้นทางการรัฐบาลอินเดียยังได้ออกมาประกาสว่าเป็นการทำการทดลองปรมาณูเพื่อสันติอย่างเดียวเท่านั้นแม่ว่าในการทำการทดลองจะไม่ได้ผลรับที่ทางการประเทศอินเดียพอใจสักเท่าไรแต่ถึงในปัจจุบันในพื้นที่ที่ทำได้การทดลองโดยบริเวณนี้ก็ยังได้มีการคลุมเข้มอยู่รวมไปถึงในการปิดบังข้อมูลเรื่องที่ชาวบ้านนั้นในรับผลกระทบการทำการทดลองนี้ด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย next88

สาเหตุและยังทำให้เป็นปริศนาอยู่ในปัจจุบัน?

เมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุและยังทำให้เป็นปริศนาอยู่ในปัจจุบัน?

Goseck Circle

บางครั้งบางสิ่งก็สร้างก็ลึกลับจนเราทำได้แค่งง Goseck Circle ก็เช่นกันซึ่งเป็นโค้งสร้างวงกลมที่ได้ถูกค้นพบในประเทศเยรมันนีเมื่อในปี 1991เป็นที่รู้จักกันในสถานะคนเยรมันนีและก็ยังไม่มีใครรู้ถึงเหล่าวัฒนธรรมที่มันนั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาและด้วยโค้งสร้างและสไตล์ที่มันดูเหมือนกับสิ่งปลูกสร้างอื่นๆในโลกจึงมีการเชื่อกันว่า Goseck Circleชนิดนี้

มันหน้าจะเป็นหอดาราศาสตร์อีกทั้งโค้งสร้างยังประกอบไปด้วยการชมพระอาทิศตย์ทั้งขึ้นและตกจากที่มีการค้นพบเครื่องปั่นดินเผาที่อยู่โดยบริเวณโดยรอยนั้นมันยังทำให้เรารู้ว่า Goseck Circle นี้มันได้ถูกมีการใช้งานมาประมาณ200ปีที่แล้ว ซึ่งก็ถือว่ามันยังเป็นเวลาที่สั้นมากๆเมื่อได้เทียบกับอารยธรรมอื่นๆอีกทั้งในการวิเคราะห์ข้อมูลยังได้สรุปอีกว่าที่นี้ได้มีการก่อสร้างขึ้นในช่วงในปี1700 ถึง 4900 ปีก่อนคริสต์ศักราชนั้น

ก็เป็นเพราะว่าเราเป็นสังคมของการตั้งชื่อและก็ได้ตั้งสถานะให้กับสิ่งต่างๆและวัฒนธรรมที่ได้สร้าง Goseck Circle ขึ้นมาและได้เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า Burgenlandkreis และนอกจากนี้ยังได้มีการคาดเดาจริงๆแล้วว่า Goseck Circle นั้นมันเป็นศาลเจ้าหรือว่าเป้นวัด เพราะว่าได้มีการขุดค้นพบโครงกระดูกคนไม่มีหัวและวัวแต่ว่ามันหน้าจะมีพิธีบูชายันหรือการประหารเกิดขึ้นที่นี้นั้นเอง

Derinkuyu

 คุณเคยมีความคิดที่อยากจะอยู่ใต้ดินไหมซึ่งคุณสามารถที่จะทำได้ที่ประเทศตุรกีที่เมืองแคปพาโดเชียในภูมิภาคอนาโตเรียประเทศตุรกีนั้นได้ชื่อเมืองว่า Derinkuyu ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้มีการขุดลงไปข้างใต้ดินที่มีความลึกมากที่สุดในโลกภายในนั้นยังมีอุโมงค์ลับและช่องทางที่ลึกลับมากมายอีกทั้งยังมีถ้ำที่สามารถอยู่อาศัย

และถ้ำที่แกะสลักอย่างมากมายมันจึงทำให้ผู้คนเกิดสงสัยแล้วเกิดคำถามมาว่ามันถูกยกออกมาจากโลกอื่นหรือป่าวเราจะสามารถพบเห็นที่มเองนี้ได้ด้วยความลึกที่มี76เมตรและยังสามารถรองรับประชากรได้ถึงประมาณ20,000คนเลยทีเดียวภายในนั้นยังสามารถที่จะจัดงานสัมมนาและโรงเรียนได้บอกได้เลยว่ามันแถบจะไม่ต้องออกไป

แค่ด้านนอกเลยทีเดียวนอกจากนี้ถายในยังมีชั้นอยู่ประมาณ18ชั้นแต่สำหรับในปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้แค่เพียง8เท่านั้นเองด้วยอายุขอสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เรายังไม่อาจที่จะทราบมันได้แต่ยังได้คาดการเอาไว้ว่าสร้างเมื่อประมาณ1200 ถึง 1600ปี ก่อนคริสต์ศักราชไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นผู้ที่สร้างเมืองนี้ขึ้นมาและทำไมถึงได้สร้างมันขึ้นมาและใช้งานมานานแค่ไหนนั้นเอง

 

ขอบคุณเรื่องราวเหล่านี้โดย  เว็บพนันออนไลน์2020

นางอองซานซูจี ได้ขอกำลังสนับสนุน

นางอองซานซูจี ได้ขอกำลังสนับสนุน จาก ประเทศจีน

ทางรัฐบาลพม่าได้ให้สิทธิ์ในการตั้งเขตปกครองตัวเองแก่กองกำลัง ว้าแดง ทั้งหมด6แห่งโดยมีศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองปางซาง พม่า ตั้งอยู่รัฐฉาน ติดอยู่กับมณฑลยูนาน ประเทศจีน  นั้นก็ยิ่งทำให้กองกำลังของว้าแดงมากขึ้นไปอีกและดินแดนทั้งหมดนั้นเรียกได้ว่าทางการพม่าจะไม่สามารถที่จะเข้าไปวุ่นวายได้ด้วยเหตุนี้กองกำลังว้าแดงจึงสามารถที่จะผลิตยาเสพติดส่งออกขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้

โดยที่ไม่ต้องกังวนอะไรนอกจากนี้ยังมีการส่งตัวแทนออกไปทำธุรกิจนอกการปกครองเพื่อจะใช้สำหรับการฟองเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดให้เป็นเงินบริสุทธิ์โดยเครือข่ายของว้าแดงนั้นมีอยู่แทบทุกประเทศในแถบเอเชียอังคเณจึงทำให้พวกเขาถือว่ามีเส้นสายทางการพอสมควรจึงไม่เกินไปนักถ้าจะบอกว่าพวกเขานั้นมีอำนาจโดยนักวิเคราะห์ได้มีการมองว่า การที่กองททัพว้าแดงได้กลายเป็นผู้เล่นหลักของการเจรจาสันติภาพในพม่านั้นถือเป็นมือที่แข็งแกร่งของทางจีน

ซึ่งจ้องมองแหล่งทรัพยากรธรรมชาติขนาดใหญ่ของพม่าและหวังโครงการในประเทศเพื่อนบ้านในช่วงที่ผ่านมาจีนประกาส สนับสนุนกระบวนการสันติภาพของพม่าพร้อมกับส่งผู้แทนมาเข้าร่วมเจรจาและไกล่เกลี่ยกลุ่มติดอาวุธต่างๆรวมถึงจีนได้มีการซ้อมรบโชว์กองทัพอันแข็งแกร่งหลังจากที่ผู้ลี้ภัยหลายคนได้ข้ามพรมแดนหนีภัยสงครามครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างกบฏชนกลุ่มน้อยกับกองทัพพม่าได้ไปพบปะกันที่กรุงปักกิ่งของประธานาธิบดีสีจี้ผิงของจีนและได้ให้คำมั่นต่อนางอองซาน ซูจี  ว่า จีนจะให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นสำหรับกระบวนการสันติภาพภายในของพม่า

จากนั้นนักวิเคราะห์ยังได้ระบุว่าทางจีนได้ส่งอาวุธหนักให้แก่กองทัพว้าแดง เช่น ปืนใหญ่ จรวดยิงพื้นจากตัวอากาศ และ ยานหุ้มเกาะขนาดเบารวมกับยังช่วยเหลือในด้านอาวุธอื่นๆโดยนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงแห่ง iss ได้บอกว่าการที่จีนสนับสนุนสันติภาพในพม่านั้นเพื่อผดันแผนการค้าเส้นทางสายไหทางบกทางอากาศหรือหนึ่งแถบหรือหนึ่งเส้นทางที่จีนต้องการผดันโครงการขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อระหว่างเอเชีย ยุโรป และ แอฟริกา

ซึ่งแผนการนี้องผ่านทางภาคเหนือของพม่าโดยผู้เชียวชาญได้เตือนว่าการผงาดของคนชนกลุ่มน้อยที่ทรงอำนาจนำโดยกองทัพว้าแดงได้กลายเป็นการคุกคามกระบวกการสันติภาพของนางซูจีที่รับการหนุนหลังจากชาติทางตะวันตกแต่ที่ปรึกษาทางการเมืองของกลุ่มติดอาวุธบอกว่า กองทัพว้าแดง นั้นได้กลายเป็นขาใหญ่แม้ไม่เห็นด้วยกับทุกเรื่องแต่ก็ไม่มีใครอยากอยู่กับฝั่งตรงข้าม

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์2020

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย

 หากเดินเข้าไปในรั้วในมหาวิทยาลัยศิลปากรบริเวณหน้าคณะจิตกรรมประติมากรรมและภาพพิมที่นั่นได้มีรูปปั้นบุคคลสำคับท่านหนึ่งสถิตอยู่ชายผู้มีรูปลักษณ์ฝรั่งต่างชาติแต่มีชื่อเสียงเรียงนามภาษาไทยเคยสงสัยไหมว่าเขาเป็นใคร นี่คือผลงานของ ศิลปินหนุ่มผู้ที่เดินทางมาไกลจากอิตาลีศิลปินอิตาลีผู้ที่โอนสัญชาติมาเป็นไทยผู้ที่อุทิศทั้งชีวิตของท่านให้แก่วงการศิลปะและการวางลากฐานศิลปะสมัยใหม่ของไทย  ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี  เจ้าของวรีอมตะที่ว่า พรุ่งก็สายเสียแล้ว

นักศึกษาที่เรียกในสมัยนั้นเขาจะกลัวอาจารย์มากดูดมากแต่ก็รักเหลือเกินด่าเก่งใครที่ทำไม่ดีท่านก็จะว่าและถ้าทำดีท่านก็จะชมอาจารย์นั้นท่านมีความเมตตาอารีใจดีมีความปรารถนาดีมีความจริงใจมีอารมณ์เอื้ออาทรต่อลูกศิษย์ลูกหาจากนั้นท่านก็ได้นำเอาความรู้ที่ท่านได้ศาษามานำเอามาถ่ายถ่ายในการสอนทั้งหมดโดยที่ไม่ปิดบังและในส่วนเรื่องของการสอนนั้น

อาจารย์เองท่านก็น่ารักไม่เบาในเวลาอาจารย์ท่านสอนนั้นเข้าใจใส่อีกอย่างอาจารย์ท่านเองเขาจะไม่รักที่ตัวบุคคลตัวท่านจะรักที่งานใครที่ขยันทำงานท่านจะสสนใจท่านจะชื่นชม และ ผลงานของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี  ที่ได้ฝากเอาไว้บนพื้นแผ่นดินไทยและไม่ได้มีแค่เพียงงนศิลปะที่เป็นวัตถุเท่านั้นหากแต่ได้เป็นผู้รังสรรค์สร้างศิลปินไทย

ที่มากความสามารถไว้ให้แก่พื้นแผ่นดินไทยอีกหลายท่านเพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งศิลปะที่จะเติบโตต่อยอดและสร้างศิลปินรุ่นใหม่ๆขึ้นมาสืบทอดอุดทการณ์แห่งศิลปะมิให้ศูนย์สลายหายไปนี่คือเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่ของท่านผู้มีคุณูปการต่อแผ่นดินไทยอย่างยากที่จะมีผู้ใดเสมอเหมือน ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี    บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย อิตาลีได้ชื่อเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ศิลป์ด้วยเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมตะวันตกและเป็นต้น

แบบศิลปะทุกแขนงเป็นดินแดนศิลปะสถาปัตยกรรมหลายสมัยหลากสไตล์เป็นดินแดนที่หล่อหลอมให้เกิดแรงบันดานใจจินตนาการและความรักในศิลปะพลังแห่งศิลปะที่ใช้ชัดอยู่ในบันกาศแวดล้อมได้สร้างสรรค์ให้เกิดศิลปินใหม่ๆขึ้นมาจากหลวงโลกคนแล้วคนเหล่าณเมืองฟลอเรนท์ประเทศอิตาลีเด็กชายคนหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่15กันยายน พ..2435

บิดามารดาตั้งชื่อให้เขาว่าคอร์ราโด เฟโรซี   คอร์ราโด เฟโรซี เข้าศึกษาในระดับชั้นประถมและมัธยมเหมือนเด็กทั่วไปแต่ความสนใจในวิชาศิลปะของเค้ามีมากจนทำให้ไม่สนใจวิชาสามัญแต่มักจะหนีโรงเรียนไปดูช่างปั้นช่างเขียนรูปตามสตูดิโอต่าๆในนครฟลอเรนซ์อยู่เสมอจนได้รู้จักกับศิลปปินมีชื่อเสียงหลายท่านและไปขอเป็นลูกมือศิลปินเหล่านั้นแม้บิดามานดาจะไม่พอใจเนื่องจากต้องการให้ท่านเจริญรอยทางด้านการค้ามากกว่า  

 

ขอบคุณเรื่อราวดีๆโดย  9luck

ประวัติศาสตร์เขาพระวิหารและสระสงค์

วันนี้เราจะนำภาพเก่าๆในบางช่วงบางตอนที่ได้เคยบันทึกเอาไว้เอากลับมาเหล่าให้เราได้ฟังกันอีกครั้งภาพที่ท่านได้เห็นอยู่ในขณะนี้เป็นภาพในรายการตอนเก่าๆที่ทีมงานเราได้เดินทางมาถ่ายทำและแผร่ภาพทางโทรศัพท์เมื่อปีพุทธศักราช2535ซึ่งในขณะนั้นคนไทยยังสามารถขึ้นไปชมปราสาทเขาพระวิหารโดยผ่านมาทางผามออีแดงได้และนี่ก็คือบางส่วนของคําบรรยายในรายการตอนนั้นบนชะโงกผาเบี้ยงหน้าสุดสายตาภาพตัดขอบฟ้าคือสถานที่ของปราสาทเขาพระวิหารที่กำลังรอให้เราไปสัมผัสสุดขอบฟ้านั้น

กำปั่นแห่งอารยธรรมในอดีต

กำลังให้ทีมงานได้เข้ามาเพื่อไขพิสูจน์บนเส้นทางที่คดเคี้ยวบนเนิดหินผ่านจุดผ่านแดนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาไม่นานนักเราก็สามารถที่จะผ่านประตูมาสู่ปากประตูมหาเทวาลัยอันยิ่งใหญ่บนเทือกเขาพนมดงรักจนได้พวกเขาไปปีนบรรไดที่สูงชันขึ้นไปทีละขั้นๆอย่างยากเย็นนับได้ถึง162ขั้นในแต่ละขั้นนั้นมีความสูงชันจนอดคิดอยู่ในใจไม่ได้ว่าสรีระร่างกายของเผ่าพันมนุษย์ผู้ที่เนรมิตมหา เทวาลัยแห่งนี้จะใหญ่โตสักแค่ไหนและได้ใช้วิธีการอย่างใดจึงจะสามารถก้าวขึ้นเอาขั้นบนไดขนศิลาจำนวนมากมายขึ้นมาสร้างปราสาทใหญ่ไว้บนยอดผา

ซึ่งได้สูงกว่าระดับน้ำทะเลนับเป็นพันได้อย่างที่เห็นถึงแม้จะเหนื่อยสำหรับในการเดินทางผ่านช่อง่างระหว่างอดีตและพรมแดนผ่านด่านบนไดสูงชันมาถึงด่านทางเดินศิลาเข้าสู่มหาปราสาทชั้นแรกปราสาทพระวิหานได้ตั้งอยู่บนหน้าผาแนวเส้นเขตแดนประเทศไทย กัมพูชา ที่คนไทยเรานั้นเรียกกันว่าเป้ยตาดีความเป็นมาของเทวะสถานแห่งนี้

ยังไม่มีผู้ใดที่จะทราบประวัติที่ชัดเจนแต่จากหลักฐานศิลาที่ได้ค้นพบในโดยบริเวณปราสาทพอที่จะทำให้นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีสรุปได้ว่าเทวสถานแห่งนี้หน้าจะถูกสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่16ถึง18ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 แห่งราชอาณาจักรขอม

ผู้ที่สร้างปราสาทนี้มีจุดประสงค์ใช้เป็นที่ประกอบพิธีบูชาพระอิศวรโดยใช้หินทรายเป็นวัสดุประสาทพระวิหานจึงได้เป็นปราสาทหินทรายที่แตกต่างไปจากที่อื่นๆจากบรรไดทางขึ้น162ขั้นเราก็ได้ขึ้นมาถึงชั้นประตูที่1 ซึ่งเชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อโลกมนุษย์กับสวรรค์นั้นได้ถูกธรรมชาติกัดก่อนจนผุพังอย่างหน้าเสียดายไปมาก

แล้วดังที่ได้เห็นออกจากซุ้มประตูแรกทางด้านซ้ายจะเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่าสระสงค์ ซึ่งก็ได้ก่อด้วยหินทรายแต่เดิมมีรูปปั้นสิงโตตั้งอยู่รอบขอบสระแต่ในปัจจุบันรูปปั้นต่างๆนั้นได้ถูกนำไปรวมกันอยู่ข้างล่างอย่างที่ไม่รู้จุดประสงค์