ศิลปะแบบบาโร้ก

ศิลปะบาโร้กคืออะไร คำจำกัดความที่สั้นและได้ใจความที่สุดก็คือเยอะยิ่งเยอะยิ่งดีMoreismoreผู้ใหญ่บางคนอาจจะเรียกศิลปะแบบนี้ว่าเป็นศิลปะแบบรุงรังแต่สำหรับหลายๆคนศิลปะบาโร้กคือความMass

Massในที่นี่ก็หมายความถึงคนส่วนใหญ่และหมายถึงคนส่วนใหญ่ในช่วงศตวรรษที่17ถึงกลางๆศตวรรษที่18เป็นสไตล์ของศิลปะทั้งงานปั้นงานสถาปัตยกรรมงานเพ้นท์ติ้งและก็งานด้านดนตรีที่คนหมู่มากชอบแต่นักวิจารณ์ศิลปะและนักวิชาการที่มีชื่อเสียงต่างก็พากันคง่ำปากทำจมูกฟุดฟิดใส่ไม่โอเคกันมาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งคำว่าบาโร้กได้เป็นภาษาโปรตุเกสแปลตรงๆเลยก็คือไข่มุกแต่มันไม่ใช่ไข่มุกที่มันกลมๆเพอร์เฟ็กต์แต่ว่าเป็นไข่มุกเบี้ยวถ้าคุณเป็นคนที่ชมชอบในไข่มุกคุณก็จะทราบว่าไข่มุกบาโร้กนั้นไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันเลยเพราะว่าเขาจะมีฟอร์มมีShapeที่ต่างกันเบี้ยวมากเบี้ยวน้อยเบี้ยวซ้ายเบี้ยวขวาและก็จะมีทุกสีสันแต่จุดเด่นของไข่มุกบาโร้กก็คือคุณจะละสายตาจากเขายากมากเพราะว่าเขามีอะไรให้คุณนั้นได้ดูอีกเยอะเหลือเกินแล้วเขาก็ยังได้มีความแวววาวมีความสะท้อนแสงมองในแสงหรือมุมที่ต่างกันเขาก็จะดูเหมือนว่าเป็นมุกคนละเม็ดกันเลย

นอกจากนี้ศิลปะบาโร้กก็เช่นเดียวกันคือเน้นขายความว้าวความเว่อร์ความอลังการความยิ่งใหญ่หรูหราเห็นแล้วอยากจะคุกเข่าลงไปกราบในความยิ่งใหญ่เหมือนได้สัมผัสกับสิ่งที่สูงส่งกว่าเรามากๆอะไรประมาณนี้เลยศิลปะในยุคของบาโร้กนั้นได้เดินทางมาถึงจากยุคเรเนซองส์และแมนเนอริสม์

ซึ่งแน่นอนเลยว่าในยุคบาโร้กคนในตอนนั้นก็ไม่ได้บอกว่านี่คือยุคบาโร้กแต่ว่ามันเป๋นการนิยามและตั้งชื่อในภายหลังโดยนักประวัติศาสตร์ศิลปะแต่ก็นั่นแหละคำว่าบาโร้กนั้นในสายตาของนักวิชาการและนักวิจารณ์ศิลปะเป็นคำที่มีความหมายในเชิงดูแคลนนิดๆบางท่านได้บอกว่าอะไรที่เป็นบาโร้กมันคือสิ่งที่ซับซ้อนมากโดยไม่จำเป็นหรือว่าซับซ้อนเยอะๆแต่ไร้ประโยชน์เอาง่ายๆก็คือคำว่าบาโร้กในช่วงแรกๆมันไม่ใช่คำชมก็แล้วกัน อย่างเช่นบาโร้กมากอะไรแบบนี้

เนื่องจากนี้ศิลปะในสไตล์บาโร้กกำเนิดขึ้นด้วยเหตุผลทางการเมืองคือมันเป็นการแก้เกมของศาสนจักรคาทอลิกที่พยายามที่จะกอบกู้ความนิยมของตนเองกลับมาหลังจากที่เกิดการแยกตัวที่เรียกว่าProtestnt Reformationคุณอาจจะเคยได้ยินชื่อMartin Luther

Martin Lutherนี่เป็นพระในศาสนาคริสต์นิกานโรมันคาทอลิกแล้วก็ได้เป็นอาจารย์สอนวิชาเทววิทยาชาวเยอรมันMartin Lutherมีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่16เขาเป็นคนที่เริ่มต้นคลื่นของการปฏิรูปศาสนาคริสต์แบบโรมันคาทอลิก

การอพยพเป็นฝูงของปลาซาร์ดีน

การอพยพเป็นฝูงของปลาซาร์ดีนที่ทำเอานักวิจัยศึกษาหาสาเหตุไม่ได้

รอยแตกขนาดยักษ์บนพื้นผิวโลก

โดยปกติแล้วรอยแตกแยกที่อยู่บนพื้นถนนมันจะเกิดขึ้นมาจากการปูพื้นไม่ดีหรือไม่มันอาจจะเกิดขึ้นมาจากการแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงซึ่งมันก็จะสร้างความเสียหายให้กับสถานที่แห่งนั้นได้พอสมควรแต่ถ้าหาหากว่าคุณนั้นได้มาเห็นรอยแยกบนพื้นดินที่ประเทศเม็กซิโกแล้วล่ะก็รับรองเลยว่าจะต้องตกใจอ้าปากค้างกันอย่างแน่นอนเพราะมันได้แตกออกจากกันอย่างสิ้นเชิงซึ่งรองแยกนี้มันได้มีความกว้างประมาณ4.8เมตรและมีความลึกประมาณ7.9เมตรและมันได้มีความยาวโดยรวม1.6กิโลเมตร

หรือว่ามันจะไกลเข้ามาของวันสิ้นโลกจริงๆแล้ว ซึ่งสาเหตุที่ได้มีปรากฏการณ์แบบนี้จึงได้ทำให้เหล่านักธรณีวิทยาก็ได้คาดว่ามันอาจจะเกิดจากดินตะกอนในถล่มลงไปจากการขุดหาแร่ใต้ดินจึงได้ทำให้เกิดช่องว่างภายในอีกทั้งยังได้มีรถบรรทุกขนาดหนักได้ผ่านไปมาได้บ่อยมันจึงได้ทำให้พื้นดินที่บริเวณนี้ได้เกิดมีรอยแตกและมีการยุบตัวลงไปอย่าง

ที่ได้เห็นกันแต่นอกจากที่เม็กซิโกแล้วมันก็ยังมีเหตุการณ์เดียวกันที่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศแคนหญ้าเหมือนกันแต่สถานที่แห่งนั้นมันก็ยังไม่มีข้อที่จะสรุปได้ว่ามันได้เกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่เอาเป็นว่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็อย่างพึ่งเถียงกันล่ะค่อยๆหาวิธีแก้ไขมันและก็ซ้อมถนนกันเสียก่อนไม่อย่างั้นรถติดกันยาวแน่

ฝูงปลาซาร์ดีนอพยพ

การที่เรานั้นได้เห็นฝูงปลาว่ายน้ำอยู่ในท้องทะเลมันอาจจะมองดูว่ามันก็เป็นเรื่องที่ปกติแต่สิ่งที่เรานั้นได้มองเห็นกันอยู่นี้ถือได้ว่ามันได้เป็นปรากฏการณ์สุดพิเศษเลยก็ว่าได้เพราะว่าฝูงของปลาซาร์ดีนขนาดใหญ่ที่มีความยาวประมาณเกือบ7กิโลเมตรมันกำลังอพยพถิ่นฐานกันซึ่งมันได้เกิดขึ้นในทุกๆปีในตามแนวชายฝั่งของแอฟริกาใต้

ซึ่งมันจะอพยพในช่วงเดือนพฤษภาคมยาวไปจนถึงเดือนสิงหาคมเพื่อที่จะได้ไปวางไข่ในน้ำเย็นจากนั้นมันก็จะเคลื่อนไปยังตามแนวชายฝั่งAgulhas BankยาวไปจนถึงMozambigueกันเลยทีเดียวและมันจะมหศัจรรย์แค่ไหนดูเอาเลย ซึ่งแน่นอนแล้วว่าการที่ได้ไปไหนมาไหนกันเป็นฝูงและเป็นกลุ่มบอกเลยว่ามันไม่ได้ดีอย่างที่คิด

เนื่องจากว่ามันได้มีเหล่านักล่าได้รอคอยกันอยู่ตามแนวชายฝั่งรอคอยการจับเหล่าปลาซาร์ดีนที่มันได้อพยพมาวางไข่และจับพวกมันกินเพื่อเป็นอาหารซึ่งถ้าหากว่ามันมีกลุ่มใหญ่มากเท่าไรก็จะยิ่งเป็นจุดสนใจมากเท่านั้นและหลายๆคนก็อาจจะสงสัยกันว่าอันตรายแบบนี้พวกมันยังจะไปกันเป็นกลุ่มอีกหรอ ซึ่งมันไม่มีใครที่จะรู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดได้ถึงแม้ว่านักวิจัยหลายๆคนพยายามที่จะศึกษาถึงสาเหตุนี้แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนอยู่ดี

 

ขอบคุณ  rb88 ล็อกอิน  ที่ให้การสนับสนุน

วาเลนไทน์ ใครกำหนด

14 กุมภา วันวาเลนไทน์ หรือ วันแห่งความรัก

ทุกๆปีในวันนี้จะมีคู่รักเกิดใหม่หลายคู่ ขึ้นสเตตัส In relationship กันให้พรึบ แต่คุณเคยสงสัยหรือเปล่าว่า “ทำไมวันวาเลนไทม์ต้องเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี”

วันวาเลนไทม์ ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อระลึกถึงนักบุญเซนต์วาเลนไทม์(Saint Valentine) ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าที่นักบุญท่านนี้ต้องจบชีวิตลงด้วยการถูกประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หากจะย้อนเวลากลับไปในเหตุการณ์ช่วงยุคนั้นชาวคริสเตียนจะถูกห้ามไม่ให้แต่งงานเพราะกษัตริย์ในสมัยนั้นชื่นชอบการสู้รบและนองเลือด พระองค์ทรงทราบว่า ผู้ชายที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วจะไม่อยากไปออกรบ ดังนั้นพระองค์จึงทรงห้ามมิให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นเด็ดขาด แต่นักบุญเซนต์วาเลนไทม์ได้ขัดต่อคำสั่งของกษัตริย์ได้ทำการแต่งงานให้กับคู่รักหลายคู่ เมื่อข่าวนี้เข้าถึงหูของกษัตริย์ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก ทรงสั่งจำคุกนักบุณเซนต์วาเลนไทม์และประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270

14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีจึงถูกตั้งให้เป็นวันวาเลนไทม์หรือวันแห่งความรัก สิ่งของที่มอบให้กันส่วนใหญ่จะให้ดอกกุหลาบแสดงถึงความรักและช็อคโกแลตแสดงถึงการเป็นคนที่สำคัญเพราะในสมัยนั้นช็อคโกแลตเป็นของที่หายาก การให้ช็อคโกแลตแก่กันหมายถึงการมอบสิ่งที่มีค่าให้กันและกัน 

กามเทพหรือคิวปิด ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในวันวาเลนไทม์ เรามักจะมีภาพจำว่า คิวปิดจะมีลักษณะเป็นเด็กน้อยถือธนูเตรียมแผลงศรให้กับคู่รักปิ๊งรักกัน หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “กามเทพแผลงศร”

คนโสดชอบกำหนดกันขึ้นมาเองว่า “วันวาเลนไทม์เมื่อไหร่คือวันเศร้าของคนไร้คู่อย่างเรา” แต่แท้ที่จริงแล้ววันแห่งความรัก ไม่ใช่มีไว้เพื่อคนมีคู่เพียงอย่างเดียว มันมีไว้เพื่อแสดงความรักต่อกัน บอกรักพ่อ กอดแม่ กราบเท้าคุณยาย กระซิบรักกับคนที่เรารู้สึกดีด้วย รวมไปถึงเฮฮาไปกับเพื่อนๆสำหรับมิตรภาพดีๆที่มีให้กัน วันวาเลนไทม์ ไม่ใช่วันเสียตัว ไม่ใช่วันมานั่งเศร้าของคนอกหัก ไม่ใช่วันเพ้อถึงคู่ชีวิตที่เรายังหาไม่เจอ ดังนั้นแล้ววันวาเลนไทม์ คนที่จะเป็นคนกำหนดจะให้มันเป็นวันแห่งความสุขหรือวันแห่งความทุกข์ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง และการแสดงออกถึงความรักไม่ได้กำหนดให้แสดงกันในวันวาเลนไทม์กันวันเดียว