ชุดไทยเตรียมขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ปัจจุบันชุดไทยกำลังได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก จะเห็นได้จากการที่เมื่อชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวที่ไทย ถ้าหากต้องไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมชาวต่างชาติส่วนใหญ่ก็จะนิยมสวมใส่ชุดไทยเป็นชุดสไบและมีเครื่องประดับตกแต่งที่สวยงาม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวตามวัดต่างๆไม่ว่าจะเป็นวัดในเขตกรุงเทพฯหรือแม้แต่ต่างจังหวัดก็ตามยกตัวอย่างเช่นวัดอรุณหรือวัดดังๆในจังหวัดอยุธยานั่นเอง 

นอกจากนี้จะเห็นได้ว่ามีชาวต่างชาติหลายคนที่ชื่นชอบชุดไทยและได้มีการนำชุดไทยไปสวมใส่ตามงานต่างๆเช่นการใส่ชุดไทยในงานแต่งงานก็มีให้เห็นตามสื่อโซเชียลต่างๆอยู่เป็นประจำ

 การเลือกใช้ชุดไทยแบบต่างๆให้เหมาะสมแก่โอกาสถือเป็นความเคารพต่อแนวปฏิบัติทางสังคมและการให้เกียรติซึ่งกันและกันส่วนการเลือกใช้ผ้าและการตัดเย็บถือเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ช่างและช่วยจำลองไว้ซึ่งงานช่างฝีมือดั้งเดิมด้านการทอผ้าพื้นบ้านของภูมิภาคต่างๆในประเทศเสริมสร้างให้เกิดผลลัพธ์ในการสร้างสรรค์สิ่งทอพื้นบ้านอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นชุดไทยจึงมีคุณค่าต่อสังคมในมิติบทบาททางวัฒนธรรมและมิติการพัฒนาคุณภาพชีวิตซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ต่อไปโดยในการจัดทำข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมชุดไทยเพื่อเสนอขอขึ้นทะเบียนต่อ UNESCO ในรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จะต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน

สำหรับชุดไทยนั้นเราสามารถยืนยันได้ว่าเป็นชุดของไทยที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมและไม่ได้ไปลอกเลียนแบบของใคร

เนื่องจากมีหลักฐานการใช้ชุดไทยเริ่มตั้งแต่สมัยทวารวดี   ต่อมายังสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้มีการวิวัฒนาการต่อมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์และเข้าสู่ยุครุ่งเรืองที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงพัฒนาและสร้างมาตรฐานให้ชุดไทยได้รับความนิยมและมีการจำแนกการใช้งานตามวาระโอกาสต่างๆอย่างเป็นระเบียบแบบแผน

ดังนั้นด้วยข้อมูลและหลักฐานต่างๆที่ประเทศไทยมีอยู่จึงสามารถนำข้อมูลเหล่านี้เพื่อนำเสนอต่อองค์การยูเนสโกเพื่อประกาศให้ชาวโลกได้รู้ว่าชุดไทยนั้นคือชุดของคนไทยและผู้ครอบครองก็คือคนไทยในทุกภูมิภาคของประเทศไทยหรือแม้แต่คนไทยเองที่อยู่ต่างประเทศเองก็เป็นเจ้าของชุดไทยเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าประเทศไทยสามารถที่จะมีการยื่นขอชุดไทยเป็นชุดประจำชาติของไทยต่อองค์การยูเนสโกได้สำเร็จและมีการประกาศออกมาก็เท่ากับว่าคนไทยนั้นสามารถที่จะรักษาวัฒนธรรมการใส่ชุดไทยของไทยเอาไว้ให้สืบต่อไปอย่างรู้รุ่นหลานได้อีกหนึ่งอย่างเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย   มั่งมีหวยออนไลน์

คู่มือวัฒนธรรมและประเพณีไทย

คู่มือวัฒนธรรมและประเพณีไทย  คนไทยมีตราประทับของตนเองบนวัฒนธรรมที่สวยงามและมีสีสันโดยมีแง่มุมของอินเดีย ลาว เขมร (กัมพูชา) พม่า (เมียนมาร์)

และแน่นอนว่ามีวัฒนธรรมจีนผสมอยู่ด้วย วัฒนธรรมไทยแผ่ซ่านไปทุกแง่มุมของชีวิตคนไทยโดยได้รับอิทธิพลหลักมาจากศาสนาพุทธ ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่คุณไปเยี่ยมชมในประเทศไทย แง่มุมทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันจะมีความโดดเด่นมากกว่า (เช่น ภาคเหนือ เชียงใหม่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีสานภาคกลาง กรุงเทพฯและภาคใต้ จากนั้นค่อยลงไปทางใต้)

ความเคารพ การควบคุมตนเอง และความเอื้ออาทร ความเคารพ การควบคุมตนเอง ความมีน้ำใจ

และความเอื้ออาทรเป็นคุณลักษณะสำคัญที่คนไทยส่วนใหญ่ปรารถนาที่จะแสดง และเราชาวตะวันตกจะได้เปรียบในชุมชนไทยหากเราแสดงทรัพย์สินเหล่านี้ วัฒนธรรมของไทยแตกต่างจากตะวันตกมาก ซึ่งผมจะลงลึกในบทความต่อไป

อยากให้คนไทยหลับเร็วๆ พูดคุยเกี่ยวกับการเมืองหรือความกังวลทางโลกของคุณ คุณจะอยู่ในอาการโคม่าในไม่ช้า คนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะนอกกรุงเทพฯ ชอบสิ่งที่เป็น ช้าๆ ช้าๆ (ชะชะช่า)และต้องการให้สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่มีองค์ประกอบใหญ่ของความสนุก (ความสนุก) อยู่ในนั้น การชะลอตัวลงและการสูญเสียวิธีการอย่างจริงจังในทุกสิ่งในขณะที่เยี่ยมชมจะจ่ายเงินปันผลประเทศไทยมีแนวทางของตัวเอง

มารยาทไทยและจารีตประเพณี แง่มุมหนึ่งของการเดินทางที่ทำให้นักเดินทางจำนวนมากสนใจคือการได้เห็นและมีส่วนร่วมในวัฒนธรรมอื่น และประเทศไทยก็มีมากมาย

วัดลานด้วน จ.หนองคาย คนไทยมีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนและยินดีต้อนรับชาวต่างชาติที่ชื่นชมประเพณีและขนบธรรมเนียมของพวกเขา

บางแง่มุมอาจดูแปลกสำหรับชาวต่างชาติในขณะที่บางแง่มุมอาจทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาขาดอะไรเช่นนี้ในตะวันตก (เพลิดเพลินกับความแตกต่าง) แม้ว่าอาจดูเหมือนว่าชีวิตแบบไทยดั้งเดิมขาดหายไปเมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) และคุณเห็นร้านแมคโดนัลด์ สตาร์บัคส์ และอื่นๆ

แต่ฉันรับรองได้ว่าที่นี่ยังคงมีชีวิตชีวาอยู่มาก โดยเฉพาะนอกกรุงเทพฯ (และในกรุงเทพฯ) แม้ว่าอาจดูเหมือนว่าชีวิตแบบไทยดั้งเดิมขาดหายไปเมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) และคุณเห็นร้านแมคโดนัลด์ สตาร์บัคส์ และอื่นๆ แต่ฉันรับรองได้ว่าที่นี่ยังคงมีชีวิตชีวาอยู่มาก โดยเฉพาะนอกกรุงเทพฯ (และในกรุงเทพฯ) พระพุทธศาสนาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแพร่หลายไปทั่ววัฒนธรรมไทย 

วัฒนธรรมการดื่มในประเทศไทย สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ คนไทยหลายคนชอบดื่มเช่นเดียวกับเราชาวตะวันตกและใช้ทุกโอกาสเพื่อกินดื่มและปาร์ตี้  เบียร์ไทยในคลับ

พฤติกรรมของคนไทยส่วนใหญ่มีความแตกต่าง เนื่องจากพวกเขามีแนวโน้มที่จะอนุรักษ์นิยมมากกว่าในที่สาธารณะ บาร์และคลับในพื้นที่ท่องเที่ยวและชายหาดคุ้นเคยกับสไตล์การดื่มเหล้าแบบตะวันตกเป็นอย่างดีและสามารถรองรับได้ (ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ)

การดื่มและสถานประกอบการมีความเสี่ยง ไม่แนะนำให้คิดมากเกินไปและทำให้งานปาร์ตี้ของคุณเสียไป แต่ความคิดบางอย่างจะเป็นประโยชน์กับคุณ (ดูสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในวัฒนธรรมการดื่มในประเทศไทย)

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    alpha88

สงครามกลางเมืองระหว่างเจียไคเชก กับ คอมมิวนิสต์

ในปีเดียวกันนั่นเองหลังจากที่ขับไล่คอมมิวนิสต์ออกจากพรรคได้หมดแล้วเจียง ไคเชก ก็แซงหน้าขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคก๊ก มิน ตั๋ง และตั้งรัฐบาลใหม่ที่เมืองหนานจิง ส่วนพวกคอมมิวนิสต์ก็แตกกระสานซ่านไปตามหัวเมืองต่างๆหรือไม่ก็ลี้ภัยไปต่างประเทศ

สงครามกลางเมืองระหว่างเจียไคเชก  ในห้วงเวลานั้นเองที่ เหมา เจ๋อ ตง ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ระดับหางแถวพื้นเพเป็นลูกชาวนาไม่ได้จบเมืองนอกหรือเป็นปัญญาชนเหมือนคนอื่นก็เริ่มเสนอไอเดียว่าคอมมิวนิสต์จีนจะทำตามแบบโซเวียตทั้งหมดไม่ได้จีนที่เป็นประเทศเกษตรกรรมก็ควรจะให้ชาวนามาขับเคลื่อนการปฏิวัติ

ถ้าเอาแต่รอให้ประเทศเป็นอุตสาหกรรมก็เสียเวลาและจะถูกเจียงไคเชกปราบจนหมดสิ้น หลังปี 1927 เหมา ก็เลยเริ่มออกไปรวบรวมชาวนาตามชนบทรอบๆเมืองใหญ่ตั้งเป็นคอมมูนขึ้นมาแบบคอมมิวนิสต์ในขณะที่ถูกเจียงไคเชกตามมาปราบปรามอยู่เรื่อยๆ

สงครามกลางเมืองครั้งนี้ดูเหมือนฝ่ายเจียงไคเชกได้เปรียบและเอาชนะคอมมิวนิสต์ที่ยังตั้งตัวไม่ได้แล้วแน่ๆแต่แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงในตอนนี้เองตัวละครใหม่ก็เข้ามาเปลี่ยนเกมนั่นก็คือญี่ปุ่น ญี่ปุ่นกำลังขยายอิทธิพลไปทั่วเอเชีย ยึดเกาหลี ยึดไต้หวัน และก็เริ่มเข้ามาลงทุนสร้างทางรถไฟในแมนจูเรีย

โดยญี่ปุ่นมีกกรรมสิทธิ์ในที่ดินสองข้างทางด้วยคุ้นกันหรือไม่เหมือนการล่าอาณานิคมยุคนี้เลยโดยในช่วงที่จีนเป็นรัฐขุนศึกญี่ปุ่นก็ดีลกับขุนศึกในแมนจูเรียโดยเฉพาะกับขุนศึกที่มีชื่อว่า จาง จั้วหลิน ต่อมาในปี 1928 ขุนศึกแมนจูเรียคนนี้ก็เริ่มต้านอิทธิลของเจียงไคเชกไม่ไหวและเข้าสวามิภักดิ์กับก๊กมินตั๋งในที่สุด

ในเดือนมิถุนายนปี1928 จางจั้วหลินก็ถูกลอบสังหารมีการระเบิดทางรถไฟที่เขากำลังเดินทางผ่านซึ่งเหตุการณ์นี้หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกและถูกจับขึ้นศาลอาชญากรรมสงครามก็ได้รับการยืนบันว่าเป็นความตั้งใจของญี่ปุ่นจริงๆเพื่อรักษาอิทธิพลในแมนจูเรียต่อไป

หลังจากขุนศึกใหญ่เสียชีวิตลงลูกชายก้ได้ขึ้นมาสืบทอดอำนาจต่อจากพ่อขุนศึกคนนี้ชื่อว่า จางเสว่เหลียง มีฉายาว่าจอมมพลน้อย    มั่งมีหวย    เพราะอายุแค่ 27 ปี แถมด้วยคาแรคเตอร์ที่ดูรักสบายไม่เข้มแข็งเหมือนพ่อทำให้ญี่ปุ่นเห็นว่าสามารถบงการใช้เป็นหุ่นเชิดได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่ญี่ปุ่นก็คิดผิดเพราะจอมพลน้อย จาง เสว่เหลียง ก็ไม่ได้ยอมเป็นหุ่นเชิดให้กับญี่ปุ่นตามแผนที่วางเอาไว้กลับทำตัวใกล้ชิดกับรัฐบาล ก๊ก มิน ตั๋ง มากกว่าพ่อตัวเองเสียอีกเวลาผ่านไป3ปีเมื่ออะไรๆไม่เป็นนไปดั่งใจญี่ปุ่นรางรถไฟก็เลยระเบิดอีกรอบในเดือนกันยายนปี 1931 

เราเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเหตุการณ์ที่มุกเดนพอมีการระเบิดทางรถไฟที่เป็นทรัพย์สมบัติของญี่ปุ่นในแมนจูเรียนทางญี่ปุ่นก็เลยกล่าวโทษจอมพลน้อยจางเสว่เหลียงว่าอยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายและยกกองทัพมาบุกแมนจูเรีย

ตำนานรักแม่นาคพระโขนง 

       เมื่อพูดถึงแม่นาคพระโขนงเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือแม้แต่ผู้ใหญ่เพราะแม่นาคพระโขนงนั้นคือบุคคลในตำนาน

ตำนานรักแม่นาคพระโขนง  ซึ่งเป็นตำนานเกี่ยวกับเรื่องราวความรักความผูกพันของชายหญิงคู่หนึ่งเบอร์เกอร์กันว่าเรื่องเล่าของแม่นาคพระโขนงนั้นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอดีตมาก่อนและในปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีหลักฐานให้เห็นว่าเรื่องของแม่นาคพระโขนงนั้นมีอยู่จริงซึ่งจะมีรูปปั้นของแม่นาคตั้งอยู่ในศาลอยู่ในวัดมหาบุศย์ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ

            วัดแห่งนี้นั้น มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากการมีศาลของแม่นาคอยู่เนื่องจากว่าผู้คนนั้นต่างก็พากันไปกราบไหว้บนบานศาลกล่าวขอให้สมหวังดังสิ่งที่ขอโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากถึงช่วงที่มีการเกณฑ์ทหารวัดมหาบุศย์ไปด้วยผู้คนเพราะปกครองต่างก็พาบุตรหลานของตนเองนั้นมาบนเพื่อไม่ต้องการที่จะเป็นทหารซึ่งตามความเชื่อของคนในสมัยโบราณเชื่อว่าถ้าหากขอเรื่องของการเกณฑ์ทหารไม่อยากไปเป็นทหารสามารถมาขอที่ศาลของแม่นาคพระโขนงได้แล้วจะสมหวังเนื่องจากว่าแม่นากนั้นเกลียดทหารเป็นอย่างมากนั่นเอง

           อย่างไรก็ตามตามความเชื่อในสมัยโบราณนั้นว่ากันว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสวยประจำพระโขนงได้แต่งงานอยู่กินกับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งชื่อว่านาคหลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกันได้ไม่นานฝ่ายชายก็ต้องไปเป็นทหาร ส่วนฝ่ายหญิงที่อยู่ที่บ้านนั้นก็ตั้งครรภ์  และนับตั้งแต่ฝ่ายชายที่ชื่อนากไปเป็นทหาร 

หน้าก็เฝ้ารอมาโดยตลอดแต่ว่ามากก็ยังไม่กลับมาจนถึงวันที่นาคต้องคลอดลูกแล้วปวดท้องปรากฏว่าเด็กไม่ยอมกลับหัวหมอตำแยไม่สามารถทำคลอดให้ได้ท้ายที่สุดแล้วก็เสียชีวิตจากการตกเลือดและกลายเป็นผีตายท้องกลมเนื่องจากว่าในสมัยโบราณนั้นไม่มีวิธีการผ่าคลอดต้องคลอดเองตามธรรมชาติ 

             อย่างไรก็ตามหลังจากที่หน้าตายแล้ววิญญาณยังคงไม่ไปไหนยังคงเฝ้ารอเพื่อให้สามีกลับมาแล้วเมื่อสงครามจบมากก็กลับมาที่บ้านอยู่กับลูกกับเมียซึ่งไม่รู้เลยว่าเมียของตนเองน้ำใจเสียชีวิตไปแล้วอย่างไรก็ตามชาวบ้านช่วยกันเตือนมากว่าหน้าที่เห็นอยู่นั้นเป็นผีแต่มากก็ไม่เชื่อจนอยู่มาวันหนึ่ง

ในขณะที่หน้ากำลังตำน้ำพริกอยู่ในครัวปรากฏว่ามะนาวร่วงลงพื้นเมื่อนาคมองไปไม่เห็นใครจึงได้ร่วมมือลงไปหยิบซึ่งในขณะนั้นมากอยู่ใต้ถุนบ้านพอดีจึงเห็นว่านาคมือยาวจึงเชื่อที่ชาวบ้านบอกว่าหน้าเป็นผีหลังจากนั้นมากก็เกิดความหวาดกลัวจึงได้หนี 

             ท้ายที่สุดแล้วชาวบ้านต่างก็ทนความหวาดกลัวไม่ไหวจึงได้ไปจ้างหมอผีให้มาทำการปราบผีของนาคแต่ก็ไม่มีใครปราบได้จนสมเด็จพุฒาจารย์โตผ่านมาแล้วรับรู้เรื่องราวจึงได้มีการกราบนาคเพื่อต้องการให้วิญญาณของหน้าไปสู่สุคติและได้มีการสะกดวิญญาณโดยการเคาะเอาหัวกระโหลกตรงบริเวณด้านหน้าหรือที่เรียกว่าหัวปั่นเหน่งมาเก็บเอาไว้หลังจากนั้นเรื่องราวของแม่นาคพระโขนงก็โด่งดังไปทั่วมาจนถึงปัจจุบันนั้นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    huaydee

วัดอรุณราชวราราม  

             เจอว่าเมื่อพูดถึงวัดอรุณราชวรารามหลายคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีโดยวัดแห่งนี้นั้นผู้คนส่วนใหญ่จะมีการเรียกว่าวัดแจ้งซึ่งวัดแห่งนี้นั้นเป็นวัดที่มีความสวยงามไม่แตกต่างจากวัดอื่นๆภายในกรุงเทพฯเลยเป็นวัดที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องของสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามและวัดแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาอย่างยาวนานใกล้เคียงกับวัดพระแก้วเลยก็ว่าได้

ซึ่งถือว่าเป็นอีกวัดหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเอาไว้เป็นวัดสมัครคู่บ้านคู่เมืองคู่กรุงเทพฯนั้นเอง

        สำหรับวัดอรุณแห่งนี้นั้นจะมีการสร้างเอาไว้อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพราะฉะนั้นการเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ในสมัยโบราณจึงเดินทางมาผ่านทางน้ำโดยล่องเรือมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อมาทำบุญกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดอรุณราชวรารามแต่ปัจจุบันนั้นสามารถเดินทางได้ทั้งทางบกและทางน้ำเลยทีเดียวซึ่งวัดแห่งนี้นั้นถือว่าเป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดโบราณที่มีความเก่าแก่งดงามเป็นอย่างมาก

           อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าวัดแห่งนี้มีการสร้างเอาไว้อย่างยาวนานหลายร้อยปีแล้วดังนั้นสิ่งก่อสร้างภายในวัดบางส่วนก็จะมีการทรุดโทรมไปตามกาลเวลาจึงได้มีการปฏิสังขรณ์และบูรณะขึ้นมาปรับโฉมให้มีความงดงามมากขึ้นกว่าเดิมซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้มีการบูรณะซ่อมแซมสถาปัตยกรรมบางส่วนขึ้นมาอย่างเช่นการบูรณะพระปรางค์ซึ่งเป็นการบูรณะครั้งใหญ่

วัดอรุณราชวราราม   และหลังจากบูรณะเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำให้เห็นได้ว่าพระปางของวัดอรุณราชวรารามนั้นมีความงดงามสมบูรณ์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว    alpha88   ซึ่งวัดอรุณนั้นเป็นวัดที่มีการใช้สีขาวในการตกแต่งไม่ว่าจะเป็นโบสถ์วิหารหรือพระปางก็ตาม

          นอกจากนี้กระเบื้องก็ยังใช้เป็นกระเบื้องออกโทนสีขาวซึ่งเวลาที่พระอาทิตย์ส่องแสงลงมากระทบกับกระเบื้องก็จะเห็นว่ามันมีความลึกลับแวววาวและลายกระเบื้องนั้นก็มีการเลือกเอาไว้อย่างงดงามทำให้เวลาที่นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยหรือชาวต่างชาติเมื่อมาเห็นความสวยงามยามที่แสงอาทิตย์กระทบกับเรื่องนั้นจึงเกิดความฮือฮาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

             สำหรับวัดอรุณราชวรารามเป็นวัดที่มีความสำคัญทางด้านพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากเป็นวัดที่คนกรุงเทพฯให้ความเคารพนับถือและผู้คนมักจะมาทำบุญไหว้พระกันอยู่เป็นประจำเป็น 1 ใน 9 วัดที่ได้รับความนิยมจากบรรดานักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามการเข้าไปเยี่ยมชมความสวยงามของวัดอรุณราชวรารามนั้นสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะมีการถูกคิดค่าเข้าเยี่ยมชมความสวยงามภายในวัดคนละ 50 บาทแต่ถ้าเป็นคนไทยก็จะเข้าฟรี

สถานที่ท่องเที่ยวทำบุญในช่วง เทศกาลกินเจ 

สถานที่ท่องเที่ยวทำบุญ ในทุกๆปีประเทศไทยจะมีการจัดเทศกาลกินเจเกิดขึ้น  ซึ่งในเทศกาลกินเจนิก็จะมีการทำบุญด้วยการงดเนื้อสัตว์ 

   โดยปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นคนจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนหรือแม้แต่คนไทยก็ร่วมทำบุญในช่วงเทศกาลกินเจกันเป็นจำนวนมากซึ่งถือว่าช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงของการรักษาศีลทำตัวให้สะอาดและบริสุทธิ์และโดยปกติแล้วเทศกาลกินเจจะมีการจัดขึ้นเป็นระยะเวลาติดต่อกันนานถึง 9 วันเลยทีเดียว

         ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สามารถทำบุญได้ในช่วงเทศกาลกินเจนอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีการจัดงานเกี่ยวกับเทศกาลกินเจมีอาหารเจเยอะแยะมากมายขายสำหรับคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ซึ่งเหมาะมากกับการเดินทางไปในช่วงเวลาที่มีการจัดเทศกาลกินเจขึ้นเพื่อที่เรานั้นจะได้หาอาหารกินได้อย่างไม่ยากลำบากสำหรับคนที่ต้องกินอาหารเจนั่นเอง 

       สำหรับการจัดงานเทศกาลกินเจนั้นไม่ใช่เพียงแค่เฉพาะภายในกรุงเทพฯเท่านั้นที่มีการจัดงานแม้แต่ตามต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นจังหวัดในเขตภาคใต้หรือจังหวัดในเขตภาคเหนือรวมถึงจังหวัดในเขตภาคอีสานและภาคกลางจะมีการจัดสถานที่สำหรับการจัดงานเทศกาลกินเจกันเนื่องจากว่าผู้คนทั่วทั้งประเทศไทยนั้นหันมานิยมกินเจกันมากขึ้นนั่นเอง

     สำหรับสถานที่ที่เราจะยกตัวอย่างให้ไปเที่ยวงานในเทศกาลกินเจก็คือสมาคม 6 ส้ม 6 ทิ้ง    alpha88     ซึ่งสมาคมนี้จะเป็นสมาคมที่เปิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้คนนั้นเกิดความรักความสามัคคีกันด้วยสมาคมนี้จะอยู่ในกรุงเทพฯซึ่งจะมีการจัดงานทำพิธีอัญเชิญเจ้ามาประทับที่โรงเจ

นอกจากนี้ก็ยังมีการกระทำพิธีลอยกระทงรวมถึงทำพิธีงานซิโก้และไหว้บรรพบุรุษและงานแจกทานทิ้งกระจาดอีกด้วยอย่างไรก็ตามการไปร่วมงานนั้นถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่คนในพื้นที่แต่ก็สามารถไปร่วมงานได้ซึ่งทางสมาคมนั้นก็จะมีการทำพิธีส่งเจ้าสู่สวรรค์ด้วย   นอกจากนี้ภายในงานนั้นยังมีของกินเยอะแยะมากมายเลยทีเดียว 

          อย่างไรก็ตามสถานที่ที่เราขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือสถานที่ที่จัดใจกลางกรุงเทพฯอย่างเยาวราชเพราะในทุกๆปีนั้นที่เยาวราชจะมีการจัดประเพณีเทศกาลกินเจกันโดยสถานที่ในการจัดงานนั้นจะอยู่ตรงถนนเยาวราชเขตสัมพันธวงศ์ซึ่งจะจัดตรงบริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระบรมสา

โดยภายในงานนั้นจะมีร้านค้ามากกว่า 100 ล้านมาตั้งบูธเพื่อจำหน่ายอาหารเจนอกจากนี้ภายในงานยังมีพิธีกรรมและพิธีการต่างๆเยอะแยะมากมายให้เราไปร่วมกิจกรรมกันซึ่งบริเวณเยาวราชนั้นมีศาลเจ้าและวัดจีนเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดดังนั้นนอกจากนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปทานอาหารเจรสชาติอร่อยแล้วก็ยังสามารถไปทำบุญไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมบารมีให้กับตนเองและคนในครอบครัวได้

วัดภูเขาทองหรือวัดสระเกศ กรุงเทพฯ 

ถ้าหากว่าพูดถึงชื่อวัดสระเกศหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันมากนักแต่ถ้าบอกว่าเป็นวัดภูเขาทองนั้นเชื่อว่าหลายคนคงเคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมวัดภูเขาทองของจริง

        วัดภูเขาทองหรือวัดสระเกศ กรุงเทพฯ   เพราะว่าภูเขาทองนั้นตั้งอยู่กลางกรุงเทพฯเป็นวัดแห่งเดียวที่สร้างขึ้นอยู่บนภูเขาซึ่งมีลักษณะโดดเด่นงดงามไม่เหมือนวัดไหนนอกจากนี้ด้านบนสุดของวัดภูเขาทองแห่งนี้ได้มีการสร้างมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ซึ่งภายในมหาเจดีย์นี้ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าหรือองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเก็บไว้ภายในมหาเจดีย์แห่งนี้อีกด้วยซึ่งอยู่ด้านบนสุดที่เราสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล

       สำหรับองค์พระธาตุนั้นเราจะเห็นได้เลยว่ามีสีทองเหลืองอร่ามซึ่งด้านล่างเป็นสีขาวบริสุทธิ์เป็นที่งดงามเป็นอย่างมากไม่ว่าคนไทยหรือชาวต่างชาติหากเดินทางมาแถวบริเวณที่มีการก่อสร้างวัดภูเขาทองก็จะต้องมีการแวะเวียนไปกราบไหว้รวมถึงไปชมวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯซึ่งสามารถเดินขึ้นไปด้านบนสุดแล้วจะมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง

           ถ้าหากว่าเดินทางมาที่วัดภูเขาทองในช่วงเวลาตอนกลางคืนซึ่งเป็นช่วงเทศกาลที่วัดภูเขาทองจะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีแบบ 7 วัน 7 คืนนั้นเมื่อขึ้นไปด้านบนสุดนั้นก็จะเห็นวิวในช่วงเวลาตอนกลางคืนของกรุงเทพฯที่งดงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียวนอกจากนี้พระบรมสารีริกธาตุที่มีการอัญเชิญเอามาไว้ในเจดีย์ประดิษฐ์นั้นก็ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างนี้ซึ่งชาวบ้านนั้นมักจะมากราบไหว้ขอพรให้มีความสุขสมหวังตลอดทั้งปี 

           อย่างไรก็ตามวัดภูเขาทองนั้นถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของกรุงเทพมหานคร  มั่งมีหวยออนไลน์     เป็นวัดหนึ่งใน 9 วัดที่ได้รับความนิยมจากบรรดานักท่องเที่ยวและจากคนไทยที่ชื่นชอบการกราบไหว้วัด 9 วัดติดกันซึ่งวัดภูเขาทองหรือวัดสระเกศนี้เป็นอีกหนึ่งวัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

เพราะอยู่ไม่ไกลจากวัดพระแก้วรวมถึงวัดบวรนิเวศและวัดเบญจมบพิตรถึงวัดอรุณและวัดพระเชตุพนอีกด้วยดังนั้นถ้าหากใครสนใจอยากจะไหว้พระ 9 วัดให้หมดภายใน 1 วันสามารถเดินทางมาที่กรุงเทพฯแล้วแวะมาแถวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยรวมถึงแถวบริเวณบางลําพูหรือแถวบริเวณเขตดุสิตรับรองได้เลยว่าภายใน 1 วันคุณจะไหว้พระครบ 9 วัดได้อย่างแน่นอน 

               สำหรับวัดภูเขาทองนั้นเป็นวัดที่ไม่ได้อนุญาตให้ผู้คนขึ้นไปด้านบนสุดทุกวันจะมีการเปิดให้ขึ้นไปเคารพสักการะพระบรมสารีริกธาตุเฉพาะช่วงที่มีการจัดเทศกาลหรืองานบุญเท่านั้นดังนั้นถ้าหากว่าใครสนใจก็อาจจะต้องมีการตรวจสอบเว็บไซต์ของวัดเกี่ยวกับเรื่องของการจัดงานว่าจะมีการอนุญาตให้ประชาชนขึ้นไปกราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุได้เมื่อไหร่หรือมีการจัดงานวัดภูเขาทองเมื่อไหร่เพื่อที่จะได้ขึ้นไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดได้นั่นเอง

ตำนานของ รอยสักญี่ปุ่น(Irezumi)

ตำนานของ รอยสักญี่ปุ่น(Irezumi) รอยสักญี่ปุ่นนั้นถูกค้นพบครั้งแรก จากตุ๊กตา ฮานิวะ ที่ได้มีการค้นพบเจอเคียงข้างกับโชกุล และคาดว่าจะมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ ในช่วงยุค โจมง(Jomon) และเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในกลุ่มชนชั้นต่างๆ ในช่วงสมัย เอโดะ(Edo Period) (ในสมัยเอโดะจะอยูในช่วงปี ค.ศ. 1603-1868)

โดยคนญี่ปุ่นมีความเชื่อที่ว่ารอยสักนั้น จะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเชื่อ อำนาจ โชคลาง และยืดเหนื่ยวจิตใจ ในการทำสร้างกำลังใจในการทำสงครามอีกด้วย และจะมีความเชื่อของเผ่าโบราณของญี่ปุ่นก็คือ ชนเผ่า ไอนู และผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีความนิยมในการสักเป็นส่วนใหญ่ เช่น มีรอยสักที่มือจะหมายถึงการที่จะทำงานหนักเพื่อสามี มีรอยสักที่ริมฝีปาก จะแสดงถึงการพูดแต่สิ่งดีๆให้สามีเพื่อครอบครัวและจะนับถือเทพพระเจ้าไปจนช่วงชีวิต และในที่สำคัญจะมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงเผ่า ไอนู ที่สักที่ริมฝีปากที่ตายไปจะไม่ได้ไปสวรรค์อย่างผู้ที่มีรอยสักในที่อื่นๆ

วิธีการสักของญี่ปุ่นของสมัยนี้และในอดีตจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก เพราะในสมัยนี้ช่างสักในปัจจุบันจะใช้เครื่องในการสักแต่ว่าในสมัยก่อนช่างจะทำการสักโดยการใช้เข็มแซะเข้าไปในผิวหนังและหมึกก็ใช้เป็นหมึกที่ใช้ในภาพพิมพ์ ที่รู้จักกันในนาม Nara lnk ซึ่งเป็นหมึกที่โด่งดังกันอย่างมากเพราะสีดำที่ทำการสักเข้าไปจะถูกเปลี่ยนสีเขียวหรือสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นลักษณะของรอยสักญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

การสักแบบญี่ปุ่น(Irezumi) แบบโบราณจะมีความเป็นเอกลักษณ์ และเพราะเหตุใน จึงเป็นที่ยอดนิยมกันมากๆในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่รอยสักของญี่ปุ่นจะสักเป็นรูปของ สัตว์ เทพเจ้า และตำนานเพราะเหตุนี้จึงจะมีหมายต่างกัน เช่น

มังกร(RYU)

สิ่งที่คนญี่ปุ่นเชื่อ ก็คือมังกรเป็นสิ่งที่เป็นตัวแทนของ สติปัญญา ความแข็งแกร่ง และคอยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีให้อีกด้วย

ปลาคราฟ (KOI)

ปลาคราฟคนญี่ปุ่นจะสื่อได้ถึงความอดทน ความกล้าหาร และไม่ย่อท้อ จึงจะสักไว้ที่ตัวเหมือน เช่นในเทศกาลวันเด็กของญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าการมีลูกผู้ชายแล้วปักธงปลาคราฟไว้หน้าบ้าน จะทำลูกอดทนต่อความลำบากได้ เปรียบเหมือนกับปลาคราฟที่สามารถว่ายน้ำแม่น้ำเหลืองทวนกระแสน้ำเหลืองขึ้นเหนือและจะได้รับรางวัญและทำให้กลายเป็นมังกร

เสือ(TORA)

คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีอำนาจมากที่สุด จึงทำให้เสือเป็นตัวแทนของ ความแข็งแกร่ง กล้าหาญ และอายุยืนยาว

สุนัขผสมสิงโต หรือ สิงโต (KARASHISHI)(FU DOG /LION DOG)

ในศาสนาชินโตของญี่ปุ่น เชื่อว่าสิงโตสามารถขับไข่สิ่งชั่วร้ายได้ ความมั่งคั่งมาให้ และคนญี่ปุ่นจะเชื่อว่า แสดงถึง ความแข็งแกร่ง การเอาตัวรอด และมั่งคั่ง

นกฟินิกซ์(HOU-OU)

จะมีความหมายว่า เป็นอมตะ ความหวังเหมือนการเกิดใหม่ และความสำเร็จ

หัวกะโหลก(ZUGAIKOTSU)

สำหรับชาวญี่ปุ่นจะมีความเชื่อก็คือ การแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ

ฮันยา(HANNYA)

จะมีความหมายถึงความ โกธร ความอิจฉาริษยา หรือจะหมายถึงการปกปองก็ได้

ศีรษะซามูไร(NAMAKUBI)

เป็นการแสดงถึงความกล้าหารหรือ เป็นการใช้เตือนให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว และไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำให้เรากลัวได้

งู(HEBI)

หมายถึงการทำให้มี อายุที่ยืนยาวและเจ็บป่วยได้ยาก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    wm gaming

งานศิลปะทำให้เกิดการวิวัฒนาการทางความคิด 

อย่างที่รู้กันในช่วงนี้งานที่ตลอดมารูปแบบทางการเข้าใจของผู้คนและการวิวัฒนาการของผู้คนต่างๆ ขนาดของอิฐที่มีการเติบโตในยุคสมัยที่ต่างไปเป็นเวลามากกว่าหลายพันปีหรือหลายหมื่นปีที่รูปแบบทางความคิดของผู้คนและการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิดของผู้คนมีการพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆ โครงสร้างในการทำงานต่างๆในการเติบโตทางความคิดของผู้คนดังกล่าวนี้เองนำมา

ซึ่งการวิวัฒนาการในการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างในการทำงานการเติบโตทางด้านความคิดและการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัตถุดิบต่างๆในการทำงานเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้มนุษย์ในยุคปัจจุบันสามารถเรียนรู้และพัฒนาทางด้านความคิดของผู้คนในยุคสมัยที่ต่างๆทั่วไป งานศิลปะคือการเรียนรู้และการเติบโตทางด้านความเชื่อความคิดและการสะท้อนถึงเรื่องราวต่างๆการวิวัฒนาการทางด้านรูปแบบในการทำงานต่างๆ

ที่มีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มมากยิ่งขึ้นได้ด้วยโครงสร้างในการทำงานต่างๆทางด้านการพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงทางด้านรูปแบบที่มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของเสียตังค์เรานี่เอง ทำให้สังคมในยุคปัจจุบันที่มีการเรียนรู้ถึงรูปแบบความคิดความเชื่อต่างๆมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใหม่ๆอย่างต่อเนื่องผู้คนในยุคปัจจุบันสามารถทานศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ทางความคิดต่างๆได้ในโลกออนไลน์หรือโลกอินเทอร์เน็ตที่ระบบเทคโนโลยีและการศึกษาเรื่องราวต่างๆความคิดต่างๆ

มีการพัฒนาที่ง่ายมากยิ่งขึ้นในการสะท้อนถึงเรื่องราวและความเชื่อต่างๆเช่นเดียวกันการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของเสียเหล่านี้เองนำมาซึ่งการวิวัฒนาการทางความคิดของผู้คนเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาทางด้านความคิดของผู้คนในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของผู้คนส่วนใหญ่ในส่วนต่างๆเหล่านี้เองซึ่งมีการวิวัฒนาการทางความเชื่อของผู้คนมากมายผู้คนหน้าตาสามารถเรียนรู้และพัฒนาทั้งด้านความคิดได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นทางด้านรูปแบบในการทำงานต่างๆหรือไม่ใช่เป็นการพัฒนาทางด้านความคิดแตกต่างมากมายที่รูปแบบเล็ก

สำหรับความคิดความเชื่อต่างๆในส่วนต่างเรานี่เองทำให้วิวัฒนาการของการทำงานต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รูปแบบของการไฟฟ้าต่างๆที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนารูปแบบใหม่ๆทำให้มนุษย์สามารถเรียนรู้และพัฒนารูปแบบในการทำงานของโครงสร้างในการทำงานที่เติบโตและพัฒนาในรูปแบบของสิ่งต่างๆเหล่านี้

ในยุคปัจจุบันที่การเรียนรู้และการพัฒนาของอาณาจักรต่างๆ มีความสำคัญในการเปิดกว้างและการพัฒนาของรูปทรงรูปร่างและวัตถุดิบต่างๆในการทำงานซึ่งสามารถทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่มีการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่างๆได้สร้างผลงานต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของการทำงานเช่นเดียวกันที่การเติบโตและการวิวัฒนาการของสิ่งต่างๆเหล่านี้เองนำมาซึ่งการพัฒนารูปแบบทางความคิดและการเติบโตทางความเชื่อต่างๆซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มนุษย์ยังคงมีการพัฒนาทางด้านงานศิลปะทางความคิด 

 

สนับสนุนโดย    เว็บหวยออนไลน์อันดับ1

ประวัติการสร้างสะพานแม่น้ำไทยลาว 

             สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำระหว่างไทยข้ามไปประเทศลาวนั้นมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับประวัติการก่อสร้างเนื่องจากว่ามีอาถรรพ์เกิดขึ้นต่างๆมากมายซึ่งการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำไทยลาวนี้จะเป็นการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงหลายคนเชื่อกันว่าในแม่น้ำโขงนั้นมีสิ่งเร้นลับอาศัยอยู่ซึ่งก็คือเป็นที่อยู่ของพญานาคนั้นเอง

          เกี่ยวกับเรื่องของตำนานการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำไทยลาวแห่งนี้ว่ากันว่ากว่าที่จะมีข้อตกลงสามารถสร้างสะพานได้นั้นก็เสียเวลานานหลายปีเลยทีเดียวและเมื่อเริ่มก่อสร้างที่จะเริ่มสร้างสะพานก็เกิดอาถรรพ์แรกเกิดขึ้นเมื่อตรงบริเวณที่นายช่างมีการสร้างเป็นออฟฟิศเอาไว้อยู่ตรงบริเวณริมแม่น้ำโขงอยู่ๆก็มีคนมาผูกคอตาย

             โดยที่ไม่ทราบสาเหตุการตายทำให้คนงานต่างพากันหวาดกลัวเกรงว่าจะเกิดอาถรรพ์จากการที่มาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงจึงไม่มีชาวบ้านคนไหนอย่ามาเป็นแรงงานให้จนนายช่างใหญ่ต้องทำการรื้อออฟฟิศดังกล่าวทิ้งและนำไม้ที่สร้างออฟฟิศนั้นไปบริจาคที่วัดและสร้างออฟฟิศใหม่ขึ้นมาอีกทีหนึ่ง 

          จากนั้นก็เริ่มมีการก่อสร้างกันขึ้นซึ่งช่วงที่มีการก่อสร้างนั้นก็จะมีการวางโครงเหล็กเพื่อให้คนงานนั้นได้ขึ้นไปทำการสร้างสะพานและหลังจากที่มีการสร้างสะพานโครงเหล็กนี้ได้ประมาณ 5 เดือนก็เกิดเหตุการณ์อาถรรพ์เกิดขึ้นเมื่อมีคนงานคนหนึ่งได้ตกลงมาจากโครงเหล็กทำให้คนงานที่ตกลงมานั้นร่างกายแหลกเหลวสร้างความหวาดกลัวให้กับคนงานคนอื่นเป็นอย่างมาก

      เท่านั้นยังไม่พอยังมีเหตุการณ์ที่คนงานก่อสร้างทำงานแล้วเกิดอากาศร้อนมากจึงได้เดินไปตรงบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขงแล้วใช้มือทั้งสองข้างวักน้ำขึ้นมาเพื่อหวังจะล้างหน้าแต่เผอิญเหยียบผ้าทำให้ลื่นตกลงไปในแม่น้ำโขงทำให้เสียชีวิตและจากเหตุการณ์ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้คนงานต่างพากันพูดถึงอาถรรพ์การสร้างสะพานแม่น้ำไทย –ลาวแห่งนี้

             แต่อย่างไรก็ตามการสร้างสะพานก็ยังคงดำเนินต่อไปจนมีการสร้างสะพานไปถึงกลางแม่น้ำปรากฏว่าไม่สามารถตอกเสาเข็มลงไปในแม่น้ำได้ยิ่งทำการตอกเสาเข็มลงไปเท่าไหร่ก็ทำให้เสาเข็มหักจึงทำให้หัวหน้าวิศวกรนั้นเข้าไปตั้งรับประทานน้ำมาสำรวจๆนางว่ามีอะไรอยู่ใต้น้ำซึ่งเมื่อนักประดาน้ำดำลงไปเลยแล้วโผล่ขึ้นมาต่างก็พากันหวาดกลัวและไม่กล้าพูดอะไรจนภายหลังจึงได้มาบอกเล่าให้ฟังว่าตอนที่ดำน้ำลงไปนั้นพวกเขาเห็น ดวงไฟซึ่งอยู่เป็นคู่มากมายหลายคู่โดยทีเดียวและเมื่อมองเพ่งดูดีๆก็เหมือนกับว่าเป็นดวงตาของสัตว์ประหลาดที่อยู่ใต้น้ำ

           และมีเป็นจำนวนมากจึงทำให้พวกเขานั้นเกิดความหวาดกลัว อีกทั้งนักประดาน้ำแดงบอกลักษณะของสัตว์ประหลาดตัวดังกล่าวว่ามีลักษณะคล้ายๆยาวเหมือนงูและลำตัวนั้นมีเกล็ดห่อหุ้มเป็นสีเขียวซึ่งเมื่อเขาได้เห็นดังนั้นจึงได้ขึ้นจากแม่น้ำทันทีเพราะเกิดความหวาดกลัวทำให้เรื่องราวของนักประดาน้ำที่ลงไปเจอนั้นมีการกล่าวถึงการเป็นอย่างมากโดยมีการเชื่อกันว่าสิ่งที่นักประดาน้ำเห็นนั่นก็คือเหล่าพญานาคนั้นเอง

       อย่างไรก็ตามแต่หัวหน้าวิศวกรซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าก่อสร้างไปเรื่อยๆอย่างไรก็ตามในช่วงก่อนถึงวันอาสาฬหบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาของคนไทยมีคนงานชายคนหนึ่งได้นอนหลับและฝันว่ามีชายชราคนหนึ่งได้เดินทางมาหาแล้วบอกกับเขาว่าขอให้ช่วยไปบอกหัวหน้าวิศวกรก่อสร้างให้หยุดทำงานชั่วคราวก่อน 1 วันเพื่อที่พวกเขานั้นจะได้มีการสวดมนต์ภาวนาเมื่อคนงานตื่นขึ้นมาแล้วไปแจ้งหัวหน้างานปรากฏว่าหัวหน้างานนั้นไม่ยอมเชื่อยังคงสั่งให้ทำงาน เกิดเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ทำให้มีคนเสียชีวิตทั้งหมด 8 คนด้วยกันรวมถึงวิศวกรที่สั่งให้คนงานทำงานในวันนั้นด้วยและดังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นก็ทำให้การสร้างสะพานไทยลาวนั้นหยุดชะงักชั่วคราวไปเป็นระยะเวลานานเลยทีเดียวกว่าจะกลับมาสร้างใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง

 

สนับสนุนโดย  aecasino