คำทำนายโลกแตกของหมอดูจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตหรือเปล่า?

ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เราตั้งใจที่จะเขียนเป็นบทความมานานมากและก็สนใจจะเขียนตั้งนานแล้ว  คำทำนายโลกแตกของหมอดู  แต่ประเด็นก็คือด้วยเนื้อหาที่มันค่อนข้างใหญ่เนื้อหาที่มันค่อนข้างที่จะลึกมากพอสมควรแล้วเรื่องของการทำลายโลกมันก็ไม่ได้มีเพียงแค่บุคคลเดียวหรือสองบุคคลที่ทำนายเกี่ยวกับอนาคตของโลกว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันมีสามสี่ห้าคนหรือมันอาจจะมากกว่านั้นเลย

โดยเราได้ทำการรวบรวมและได้ทำการสรุปเอามาเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ที่จริงแล้วมันอาจจะมีมากกว่านี้ถ้าข้อมูลในเนื้อหานี้มีข้อตกล่นลงไปเราก็ขออภัยไว้ในนี้ก่อนเลยแล้วกัน

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องของเราทำนายดวงชะตาของการดูดวงเป็นอะไรที่คอนข้างที่จะฮิตแล้วก้มีคนสนใจกันพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูดวงส่วนตัวการดูดวงการงานการเงินหรือแม้แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าเราจะเกิดอะไรบ้างหรือเราต้องระวังในเรื่องไหนบ้าง

นอกจากนี้หลายๆคนก็อยากจะรู้เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตหรือเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตแต่อยากจะบอกว่าก็มีอยู่ไม่น้อยคนเลยที่อยากาจะรู้ว่าในอนาคตโลกของเราจะเกิดอะไรขึ้นบ้างและจุดจบของโลกของเราจะเป็นอย่างไง

ดังนั้นเรื่องของการทำนายอนาคตของโลกเราและสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นบนโลกของเราจริงๆแล้วมันได้มีมาตั้งแต่ในสมัยยุคโบราณในตำนานและละตำนานหรือการทำนายแต่ละที่ก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปบ้างก็ว่าวันสิ้นสุดของโลกจะถูกอุกกาบาตชนบางที่ก็ว่าจะเกิดแผ่นไหวแล้วโลกจะเกิดการปะทุจากข้างในหรือบ้างก็ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกเข้ามาโจมตีโลกเราก็มีอยู่เหมือนกัน

ซึ่งในการทำนายอนาคตของโลกเราเหล่านี้ถ้าเอาที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เราได้ไปหาข้อมูลมาได้เลยก็คงจะไม่พ้นเรื่องของคัมภีร์ไบเบิ้ลแต่ถ้าเอาสิ่งที่คนในปัจจุบันสนใจกันมาที่สุดและคนพูดถึงกันมาที่สุดก็คงจะเป้นคำทำนายของ “ นอสตราดามุส “ กับ คำทำนายของ “ คุณยาย บาบา วานกา “ 

เพราะฉะนั้นแล้วทั้งสองบุคคลนี้คือบุคคลที่ถูกพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการทำนายโลกเอาไว้มากที่สุดในปัจจุบันเพราะว่าทั้งสองคนนี้มีการทำนายสิ่งต่างที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเหตุในโลกหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนอกโลกหรืออะไรก็แล้วแต่และปรากฏว่าในเวลาต่อมาหลังจากที่พวกเขานั้นเสียชีวิตไปแล้วหรือพวกเขายังมีชีวิตอยู่มันได้เกิดขึ้นจริงๆอย่างที่พวกเขาได้ทำนายกันเอาไว้

 

สนับสนุนโดย.  สูตร ยี่กีเข้าทุกรอบ

ตำนานของ รอยสักญี่ปุ่น(Irezumi)

ตำนานของ รอยสักญี่ปุ่น(Irezumi) รอยสักญี่ปุ่นนั้นถูกค้นพบครั้งแรก จากตุ๊กตา ฮานิวะ ที่ได้มีการค้นพบเจอเคียงข้างกับโชกุล และคาดว่าจะมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ ในช่วงยุค โจมง(Jomon) และเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในกลุ่มชนชั้นต่างๆ ในช่วงสมัย เอโดะ(Edo Period) (ในสมัยเอโดะจะอยูในช่วงปี ค.ศ. 1603-1868)

โดยคนญี่ปุ่นมีความเชื่อที่ว่ารอยสักนั้น จะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเชื่อ อำนาจ โชคลาง และยืดเหนื่ยวจิตใจ ในการทำสร้างกำลังใจในการทำสงครามอีกด้วย และจะมีความเชื่อของเผ่าโบราณของญี่ปุ่นก็คือ ชนเผ่า ไอนู และผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีความนิยมในการสักเป็นส่วนใหญ่ เช่น มีรอยสักที่มือจะหมายถึงการที่จะทำงานหนักเพื่อสามี มีรอยสักที่ริมฝีปาก จะแสดงถึงการพูดแต่สิ่งดีๆให้สามีเพื่อครอบครัวและจะนับถือเทพพระเจ้าไปจนช่วงชีวิต และในที่สำคัญจะมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงเผ่า ไอนู ที่สักที่ริมฝีปากที่ตายไปจะไม่ได้ไปสวรรค์อย่างผู้ที่มีรอยสักในที่อื่นๆ

วิธีการสักของญี่ปุ่นของสมัยนี้และในอดีตจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก เพราะในสมัยนี้ช่างสักในปัจจุบันจะใช้เครื่องในการสักแต่ว่าในสมัยก่อนช่างจะทำการสักโดยการใช้เข็มแซะเข้าไปในผิวหนังและหมึกก็ใช้เป็นหมึกที่ใช้ในภาพพิมพ์ ที่รู้จักกันในนาม Nara lnk ซึ่งเป็นหมึกที่โด่งดังกันอย่างมากเพราะสีดำที่ทำการสักเข้าไปจะถูกเปลี่ยนสีเขียวหรือสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นลักษณะของรอยสักญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

การสักแบบญี่ปุ่น(Irezumi) แบบโบราณจะมีความเป็นเอกลักษณ์ และเพราะเหตุใน จึงเป็นที่ยอดนิยมกันมากๆในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่รอยสักของญี่ปุ่นจะสักเป็นรูปของ สัตว์ เทพเจ้า และตำนานเพราะเหตุนี้จึงจะมีหมายต่างกัน เช่น

มังกร(RYU)

สิ่งที่คนญี่ปุ่นเชื่อ ก็คือมังกรเป็นสิ่งที่เป็นตัวแทนของ สติปัญญา ความแข็งแกร่ง และคอยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีให้อีกด้วย

ปลาคราฟ (KOI)

ปลาคราฟคนญี่ปุ่นจะสื่อได้ถึงความอดทน ความกล้าหาร และไม่ย่อท้อ จึงจะสักไว้ที่ตัวเหมือน เช่นในเทศกาลวันเด็กของญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าการมีลูกผู้ชายแล้วปักธงปลาคราฟไว้หน้าบ้าน จะทำลูกอดทนต่อความลำบากได้ เปรียบเหมือนกับปลาคราฟที่สามารถว่ายน้ำแม่น้ำเหลืองทวนกระแสน้ำเหลืองขึ้นเหนือและจะได้รับรางวัญและทำให้กลายเป็นมังกร

เสือ(TORA)

คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีอำนาจมากที่สุด จึงทำให้เสือเป็นตัวแทนของ ความแข็งแกร่ง กล้าหาญ และอายุยืนยาว

สุนัขผสมสิงโต หรือ สิงโต (KARASHISHI)(FU DOG /LION DOG)

ในศาสนาชินโตของญี่ปุ่น เชื่อว่าสิงโตสามารถขับไข่สิ่งชั่วร้ายได้ ความมั่งคั่งมาให้ และคนญี่ปุ่นจะเชื่อว่า แสดงถึง ความแข็งแกร่ง การเอาตัวรอด และมั่งคั่ง

นกฟินิกซ์(HOU-OU)

จะมีความหมายว่า เป็นอมตะ ความหวังเหมือนการเกิดใหม่ และความสำเร็จ

หัวกะโหลก(ZUGAIKOTSU)

สำหรับชาวญี่ปุ่นจะมีความเชื่อก็คือ การแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ

ฮันยา(HANNYA)

จะมีความหมายถึงความ โกธร ความอิจฉาริษยา หรือจะหมายถึงการปกปองก็ได้

ศีรษะซามูไร(NAMAKUBI)

เป็นการแสดงถึงความกล้าหารหรือ เป็นการใช้เตือนให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว และไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำให้เรากลัวได้

งู(HEBI)

หมายถึงการทำให้มี อายุที่ยืนยาวและเจ็บป่วยได้ยาก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    wm gaming

ประวัติวัดบางกุ้ง จังหวัดสมุทรสงคราม 

         หากใครเคยเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดสมุทรสงครามเชื่อว่าคงเคยได้ยินชื่อวัดบางกุ้งกันมาบ้าง ประวัติวัดบางกุ้ง โดยวัดแห่งนี้นั้นอยู่ไม่ไกลจากตลาดอัมพวามากนักดังนั้นเชื่อว่าใครที่เคยเดินทางมาเที่ยวที่ตลาดอัมพวาย่อมต้องเคยแวะมาไหว้พระที่วัดบางกุ้งอย่างแน่นอนเนื่องจากว่าวัดแห่งนี้นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับ พระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์นั่นก็คือหลวงพ่อดำนั่นเอง

        นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงครามเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนว unseen ที่หาดูได้ยากจากที่อื่นเพราะที่นี่จะมีโบสถ์อยู่บทหนึ่ง  ประวัติวัดบางกุ้ง ซึ่งมีความแปลกแตกต่างจากบทอื่นๆด้วยบทนี้มีชื่อว่าโบสถ์ปรกโพธิ์ความแตกต่างของโบสถ์นี้นั่นก็คือจะมีต้นไม้ขึ้นอยู่รอบโบสถ์แห่งนี้และต้นไม้ที่ขึ้นนั้นก็เป็นต้นไม้คนละสายพันธุ์กันด้วยต้นไม้ทั้ง 4 ต้นนั้นจะขึ้นล้อมรอบตัวโบสถ์และรากของต้นไม้ก็ห่อหุ้มตัวบทเอาไว้ทำให้ชาวบ้านอยากจะมาเห็นด้วยตาตนเอง

           อย่างไรก็ตามสำหรับประวัติความเป็นมาของวัดบางกุ้งแห่งนี้นั้นว่ากันว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยในช่วงของกรุงศรีอยุธยาตอนปลายซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงประมาณพ.ศ 2308   โดยในสมัยนั้นยังไม่มีวัดบางกุ้งขึ้นมาช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไทยกับพม่าได้มีการรบกันอยู่บ่อยครั้งและเป็นช่วงที่พม่านำกองกำลังทหารเข้ามาโจมตีล้อมกรุงศรีอยุธยาซึ่งในสมัยนั้นตรงกับการปกครองของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทำให้พระองค์นั้นได้สั่งให้ทหารย้ายกองทัพมาตั้งค่ายที่ตำบลบางกุ้ง

           โดยจุดที่มาตั้งค่ายใหม่นั้นอยู่ตรงบริเวณวัดบางกุ้งซึ่งมีการสร้างกำแพงล้อมรอบวัดเอาไว้  อย่างไรก็ตามด้วยกองกำลังพม่านั้นมีมากจนเกินไปกองกำลังทหารของไทยนั้นไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้ที่สำคัญกองกำลังพม่านั้นมีการยกทัพมาทางแม่น้ำแม่กลองหลังจากนั้นเมื่อมาถึงค่ายของทหารไทยก็บุกทลายค่ายของทหารไทยจนในที่สุดขายตรงบริเวณบางกุ้งก็ไม่สามารถที่จะต้านทานข้าศึกเอาไว้ได้ทำให้ค่ายที่บางกุ้งนั้นแต่ทหารพม่าจึงสามารถเข้ามาโจมตีกรุงศรีอยุธยาได้และในที่สุดกรุงศรีอยุธยาก็แตกและค่ายบางกุ้งก็กลายเป็นค่ายร้างนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

            อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการสิ้นสุดสงครามแล้วและพระเจ้าตากสินได้มีการกอบกู้เอกราชพระองค์ก็ได้มีการสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานีและพระองค์ยังให้ทหารมาบูรณะซ่อมแซมค่ายที่บางกุ้งและให้ทหารมาประจำอยู่ที่ค่ายแห่งนี้รวมถึงได้มีการชักชวนชาวจีนที่เคยเป็นอาสาสมัครช่วยรบกับพม่ามาอยู่ที่ค่ายบางกุ้งแห่งนี้ด้วยดังนั้นหลังจากนั้นเป็นต้นมาขายที่นี่จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าค่ายจีนบางกุ้งนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  หวยออนไลน์บาทละ 1000

ต้นกำเนิดความเชื่อเกี่ยวกับคำว่า ยาซุ่ยเฉียน ที่มักจะเขียนเอาไว้ที่ซองอั๋งเปา

          สำหรับคำว่า ยาซุ่ยเฉียน นั้น เป็นคำที่เป็นภาษาจีนเบอร์ความหมายของคำคำนี้นั้นหมายถึงการขับไล่วิญญาณที่ชั่วร้ายด้วยเงิน  ซึ่งปัจจุบันนั้นเราจะมักจะเห็นคำคำนี้อยู่ในซองสีแดงหรือไม่ก็จะถูกเขียนไว้ในกระดาษซึ่งเป็นกระดาษสีแดง  แต่เดิมนั้นคำว่า  ยาซุ่ยเฉียน มีความหมายอีกแบบนึงนั่นก็คือหมายถึงการปัดเป่าเกี่ยวกับโรคชราด้วยเงิน  

       อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปความหมายของคำว่ายาซุ่ยเฉียน สิ่งใดมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เป็นการปัดเป่าเรื่องของความชราภาพก็กลายมาเป็นการปัดเป่าพวกวิญญาณร้ายแทนและซองที่สำหรับใส่เงินอังเปาโดยปกติจะยึดมั่นเฉพาะที่เป็นซองสีแดงแต่ด้วยสมัยนิยมผันเปลี่ยนดังนั้นซองอังเปาจึงมีหลากหลายสีสันมากขึ้นแต่ก็ยังอิงสีที่เป็นมงคลนั่นเองไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองซึ่งมองแล้วคล้ายกับสีทองหรือแม้แต่สีชมพูหรือสีส้มก็ตาม

        สำหรับความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของการให้อั่งเปาและความเชื่อเกี่ยวกับคำว่า ยาซุ่ยเฉียน ที่มักจะถูกเขียนไว้บนซองอั่งเปานั้นว่ากันว่ามีตำนานที่เล่าขานถึงความเชื่อนี้เกิดขึ้นในสมัยอดีตกาลโดยระบุว่าในสมัยก่อนนั้นคนจีนมักเชื่อว่าในโลกมนุษย์นั้นจะมีสิ่งชั่วร้ายอยู่ซึ่งสิ่งชั่วร้ายนั้นมีชื่อ ซุ่ย  มันมักจะออกอาละวาดทำร้ายเด็ก

        ซึ่งมันจะมีลักษณะเป็นสีดำมืดและมักจะออกอาละวาดในช่วงคืนส่งท้ายปีเก่าของคนจีนโดยวิธีการที่มันมาทำร้ายเด็กๆนั่นก็คือมันจะเอามือมาแตะที่หัวของเด็กพี่กำลังนอนหลับซึ่งถ้าเด็กคนไหนโดนเจ้าปีศาจที่ชื่อว่า ชุ่ย แตะหัวถึง 3 ครั้งด้วยกันเด็กคนนั้นก็จะล้มป่วยและเสียชีวิต 

        ดังนั้นชาวจีนจึงพากันหวาดกลัวเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้มากโดยมีอยู่วันหนึ่งได้มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งได้ไปร้องขอให้เทพเจ้านั้นช่วยคุ้มครองลูกของพวกเขาด้วยเมื่อพระเจ้าได้ยินคำร้องขอของสามีภรรยาคู่นี้ก็ได้ส่งนางฟ้ามาทั้งหมด 8 องค์ด้วยกันเพื่อให้นางฟ้านั้นมาช่วยเหลือสามีภรรยาคู่นี้ดังนั้นนางฟ้าทั้ง 8 องค์จึงได้มีการแปลงร่างเป็นเหรียญ  โดยเหรียญทั้ง 8 เหรียญนั้นถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษสีแดงแล้วมอบให้สามีภรรยานำไปเอาไว้ใต้หมอนของลูกของพวกเขา

         หลังจากนั้นพอตกช่วงเวลากลางคืนปีศาจร้ายก็มาหาเด็กชายคนดังกล่าวทันทีแต่ไม่สามารถที่จะทำอันตรายเด็กคนดังกล่าวได้เพราะหลังจากที่เข้าใกล้เด็กปุ๊บก็จะมีแสงสีทองพุ่งเข้าใส่ปีศาจร้ายทันทีทำให้ปีศาจต้องหลบหนีเพราะว่าหวาดกลัวซึ่งแสงนั้นพุ่งออกมาจากเหรียญที่ห่อหุ้มจากกระดาษสีแดงนั่นเอง 

        วันรุ่งขึ้นเรื่องราวดังกล่าวก็ถูกเล่าขานกันไปทั่วทั้งหมู่บ้านทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านจึงได้ไปขอพรเทพเจ้าให้ช่วยเหลือแล้วนำเหรียญมาใส่ไว้ในซองสีแดงแล้วนำมาไว้ใต้หมอนเพื่อเป็นการป้องกันปีศาจร้ายซึ่งปัจจุบันก็เป็นการเปลี่ยนเป็นการนำเงินใส่ซองสีแดงถือว่าเป็นการให้อั่งเปาและถือว่าเป็นการป้องกันปีศาจร้ายให้กับเด็กๆนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.    เว็บหวย ไม่อั้น จ่ายเต็ม

การชงชาของญี่ปุ่น มีประวัติความเป็นมาอย่างไร

   ใน การชงชาของญี่ปุ่น นั้นเป็นการแสดงถึงการที่มีเอกลักษณ์ที่แท้จริงเป็นที่รู้จักในสิ่งที่คนจะนึกถึงของประเทศญี่ปุ่นและมีความเป็นวิถีชีวิตที่มีความเฉพาะตัวของญี่ปุ่นและยังเป็นหลักฐานในเรื่องศิลปะและพิธีชงชานั้นเป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่แปลงไปด้วยหลักในการดำเนินชีวิตของญี่ปุ่นและยังเป็นการฝึกสมาธิของชาวญี่ปุ่นได้อีกด้วยและนอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย 

การชงชาของญี่ปุ่น การดื่มชานั้นเป็นวัฒนธรรมของประเทศจีนโดยแต่ตั้งเดิมซึ่งมีการเผยแพร่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นโดยพระสงฆ์ผู้ที่มีชื่อว่า เอซู ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญโดยที่นำชาเขียวที่มาจากประเทศจีนนำมาให้จักรพรรดิซางะที่เมืองคาราซากิของญี่ปุ่นและนำมาดัดแปลงเพื่อให้เข้าถึงการดำเนินชีวิตของญี่ปุ่นซึ่งในอดีตการดื่มชานั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ของขุนนางนักรบตลอดจนพ่อค้าที่ร่ำรวยเท่านั้นแต่ต่อมานั้น ท่านเซ็น โน ริคิว (Sen No Rikyu) นั้น

ทำให้พิธีชงชามีความศักดิ์สิทธิ์และมีแบบแผนอย่างที่เห็นในปัจจุบันโดยตัดการเลี้ยงชาที่ทำให้พุ่งเฟือยออกไปแต่จะเน้นความเรียบง่ายจริงใจรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ด้วยจิตใจที่สงบบริสุทธิ์ ซึ่งยังมีหลักของศาสนาพุทธนิกายเซน(Zen) เข้ามามีส่วนร่วมอีกด้วย แล้วพิธีชงชานี้คนญี่ปุ่นจะเรียกพิธีนี้ว่าจะ ซะโด(Sadou) หรือ ชาโนะยุ (Chanoyu) และในที่มาของคำว่า ซะ(sa)นั้นแปลว่าชาและโด(dou) แปลว่าวิถีซึ่งจะหมายความว่าวิถีแห่งชาก็ว่าได้

(ซึ่งคำว่า ซะโด หรือชะโด นั้นได้มีความหมายเหมือนกันแต่ในปัจจุบันนั้นคนส่วนใหญ่จะทำการออกเสียงว่า ซะโด(Sadou)เป็นส่วนใหญ่) จุดมุ่งหมายของพิธีชงชานั้นจะเป็นการสานสัมพันธ์ของผู้ที่มาเยือนซึ่งในความงดงามและต้อนรับผู้ที่มาเยือนซึ่งและจะแสดงความสวยงามในของสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวซึ่งจะเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่มาเยือนบ้านหรือแขกและเจ้าของบ้าน การจัดรูปแบบของการจัดพิธีชงชานั้นมักจะจัดในห้องที่ทำการตกแต่งเป็นห้องของการทำพิธีชงชาที่ทำไว้

โดยเฉพาะซึ่งเป็นที่ที่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กๆซึ่งจะเป็นการแสดงวัฒนธรรมแบบวัก(Wa) ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นนั้นยังมีโรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับการชงชาโดยเฉพาะและสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะเรียนรู้การชงชาหรือพิธีชงชาในเวลาสั้นๆของญี่ปุ่น นั้นจึงสามารถทำได้โดยมีตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    หวยออนไลน์บาทละ 1000

งานศิลปะทำให้เกิดการวิวัฒนาการทางความคิด 

อย่างที่รู้กันในช่วงนี้งานที่ตลอดมารูปแบบทางการเข้าใจของผู้คนและการวิวัฒนาการของผู้คนต่างๆ ขนาดของอิฐที่มีการเติบโตในยุคสมัยที่ต่างไปเป็นเวลามากกว่าหลายพันปีหรือหลายหมื่นปีที่รูปแบบทางความคิดของผู้คนและการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิดของผู้คนมีการพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆ โครงสร้างในการทำงานต่างๆในการเติบโตทางความคิดของผู้คนดังกล่าวนี้เองนำมา

ซึ่งการวิวัฒนาการในการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างในการทำงานการเติบโตทางด้านความคิดและการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัตถุดิบต่างๆในการทำงานเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้มนุษย์ในยุคปัจจุบันสามารถเรียนรู้และพัฒนาทางด้านความคิดของผู้คนในยุคสมัยที่ต่างๆทั่วไป งานศิลปะคือการเรียนรู้และการเติบโตทางด้านความเชื่อความคิดและการสะท้อนถึงเรื่องราวต่างๆการวิวัฒนาการทางด้านรูปแบบในการทำงานต่างๆ

ที่มีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มมากยิ่งขึ้นได้ด้วยโครงสร้างในการทำงานต่างๆทางด้านการพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงทางด้านรูปแบบที่มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของเสียตังค์เรานี่เอง ทำให้สังคมในยุคปัจจุบันที่มีการเรียนรู้ถึงรูปแบบความคิดความเชื่อต่างๆมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใหม่ๆอย่างต่อเนื่องผู้คนในยุคปัจจุบันสามารถทานศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ทางความคิดต่างๆได้ในโลกออนไลน์หรือโลกอินเทอร์เน็ตที่ระบบเทคโนโลยีและการศึกษาเรื่องราวต่างๆความคิดต่างๆ

มีการพัฒนาที่ง่ายมากยิ่งขึ้นในการสะท้อนถึงเรื่องราวและความเชื่อต่างๆเช่นเดียวกันการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของเสียเหล่านี้เองนำมาซึ่งการวิวัฒนาการทางความคิดของผู้คนเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาทางด้านความคิดของผู้คนในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของผู้คนส่วนใหญ่ในส่วนต่างๆเหล่านี้เองซึ่งมีการวิวัฒนาการทางความเชื่อของผู้คนมากมายผู้คนหน้าตาสามารถเรียนรู้และพัฒนาทั้งด้านความคิดได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นทางด้านรูปแบบในการทำงานต่างๆหรือไม่ใช่เป็นการพัฒนาทางด้านความคิดแตกต่างมากมายที่รูปแบบเล็ก

สำหรับความคิดความเชื่อต่างๆในส่วนต่างเรานี่เองทำให้วิวัฒนาการของการทำงานต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รูปแบบของการไฟฟ้าต่างๆที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนารูปแบบใหม่ๆทำให้มนุษย์สามารถเรียนรู้และพัฒนารูปแบบในการทำงานของโครงสร้างในการทำงานที่เติบโตและพัฒนาในรูปแบบของสิ่งต่างๆเหล่านี้

ในยุคปัจจุบันที่การเรียนรู้และการพัฒนาของอาณาจักรต่างๆ มีความสำคัญในการเปิดกว้างและการพัฒนาของรูปทรงรูปร่างและวัตถุดิบต่างๆในการทำงานซึ่งสามารถทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่มีการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่างๆได้สร้างผลงานต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของการทำงานเช่นเดียวกันที่การเติบโตและการวิวัฒนาการของสิ่งต่างๆเหล่านี้เองนำมาซึ่งการพัฒนารูปแบบทางความคิดและการเติบโตทางความเชื่อต่างๆซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มนุษย์ยังคงมีการพัฒนาทางด้านงานศิลปะทางความคิด 

 

สนับสนุนโดย    เว็บหวยออนไลน์อันดับ1

ตำนานความร้ายกาจของเมดูซ่า 

                หลังจากที่เทพีอาเธน่าได้สาบผมของเมดูซ่าให้กลายเป็นงู และผิวพรรณของเธอที่เคยสวยงามก็แตกระแหงกลายเป็นลายงูไปหน้าที่เคยสวยสดงดงามก็กลับแย่ลง  เรียกได้ว่าใครที่เห็นเธอในช่วงที่เธอถูกสาปนั้นจะต้องรู้สึกแข็งกลายเป็นหิน

เพราะความน่าเกลียดน่ากลัวของรูปร่างหน้าตาของเธอนั่นเองและขณะที่เธอถูกเทพีอาเธน่าสาปนั้นเป็นช่วงที่เธอกลายร่างเธอต้องทนทุกข์ทรมานจากการแปรสภาพของร่างกายของเธออย่างมาก ในตำนานกล่าวว่าสาเหตุที่นางเมดูซ่ามองใครแล้วกลายเป็นหินนั้นก็เพราะว่า เป็นคำสาปของเทพีอธีน่าที่มีการสาปเมดูซ่าไว้ว่า

                   ถ้าเกิดเธอได้มองใครก็ให้บุคคลนั้นกลายเป็นหินเพื่อที่จะได้ไม่สามารถมองใครได้ต่อไปอีกเลย และนับตั้งแต่เมดูซ่าถูกเทพีอาเธน่าสาปให้มีรูปร่างเป็นงูเธอก็แอบหลบหนีผู้คนไปอยู่สถานที่ที่ห่างไกลไม่มีคนเดินทางไปถึงก็ต้องการหลบหน้าผู้คนนั้นเอง  

และถึงแม้ว่าเมดูซ่าจะหลบหลีกผู้คนไปมากแค่ไหนแต่ว่าเรื่องราวของเธอสมัยที่เธอก่อนที่จะถูกสาปนั้นว่าเธอนั้นมีความงดงามมากเพียงใดก็ยังมีการเล่าลือกันไปทั่วซึ่งผู้คนเหล่านั้นก็พากันออกติดตามหาเมดูซ่าเพื่อหวังจะได้เห็นโฉมหน้าอันสวยงามของเธอ

                 และนี่เองคือตำนานที่มีการพูดถึงความร้ายกาจของไปดูซ่าเมื่อบุรุษหลายคนต่างก็พยายามไปค้นหาว่าไปดูซ่าอยู่ที่ไหนเพื่อที่ต้องการจะได้เห็นโฉมหน้าของเธอว่าเธอสวยงามเพียงใดและเมื่อได้ไปเห็นผู้คนต่างก็ตกใจกลัวกับหน้าตาของเมดูซ่า

และเมื่อมีการต้องมองก็มีอาการแข็งเป็นรูปปั้นทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนต่างก็เริ่มหรือว่า เมดูซ่านั้นชั่วร้ายและน่ากลัว  และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้เรื่องราวของ เมดูซ่า กลายเป็นเรื่องราวของปีศาจร้ายทั้งๆที่ตัวเองนั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตั้งแต่ต้น

     หากจะมองในมุมกลับกันแล้วจะเห็นได้ว่าอันที่จริงแล้วตั้งแต่เมนูซ่าเป็นมนุษย์ธรรมดาก็ถูกเทพรังแกมาโดยตลอดและเมื่อถูกสาปให้กลายเป็นงูน่าเกลียดน่ากลัวเมื่อเธอไปหลบซ่อนตัวก็ยังมีผู้คนตามหาเธอทั้งๆที่เธอไม่ได้ออกอาละวาดเห็นภาพผู้คนแต่อย่างใด

แต่พอมีการสบตาเธอแล้วแข็งกลายเป็นหินก็มากล่าวหาว่าเธอนั้นเป็นปีศาจร้ายเห็นค่าผู้คนทั้งๆที่จริงแล้วผู้คนเหล่านั้นต่างก็พากันตามหาเธอเอง  ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าตำนานของเมดูซ่าที่กล่าวว่าเธอเป็นปีศาจร้ายนั้นไม่เป็นความจริงเพราะจริงๆแล้วนับตั้งแต่ต้นจนจบเธอคือหญิงสาวผู้อาภัพที่ถูกกระทำมาโดยตลอด

 

สนับสนุนโดย.    ซื้อหวยออนไลน์ เว็บไหนดี

ตำนานพันท้ายนรสิงห์  

              ที่จังหวัดสมุทรสาครนั้น จะมีศาลที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือกันมาก โดยศาลดังกล่าวนั้นมีอายุเก่าแก่มานานกว่า 60 ปี และตรงบริเวณที่ตั้งของศาลนั้นก็มีพื้นที่มากกว่าหนึ่งร้อยไร่   สำหรับศาลที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ก็คือ ศาลพันท้ายนรสิงห์นั่นเอง 

          ตามความเชื่อของคนในสมัยก่อน และมีการบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานของประวัติศาสต์ของไทยนั้นมีการระบุว่า เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยตามตำนานมีการเล่าเกี่ยวกับประวัติของพันท้ายนรสิงห์เอาไว้ว่า  ในสมัยก่อนนั้นขณะที่ สมเด็จพระเจ้าเสือเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรี

          ซึ่งปัจจุบันนั่นก็คือคลองโคกขาม นั่นเอง ซึ่งในขณะนั้นมีพันท้ายนรสิงห์ เป็นคนคัดท้ายเรือซึ่งในสมัยก่อนนั้นคลองโคกขามนั้นมีความคดเคี้ยวเป็นอย่างมาก และน้ำในคลองก็มีการไหลเชี่ยวมากเช่นเดียวกัน  ทำให้พันท้ายนรสิงห์ซึ่งเป็นทหารที่คอยคัดท้ายเรือนั้นไม่สามารถที่จะคัดท้ายเรือได้ทัน 

      และจังหวะนั้นเองทำให้หัวเรือไปชมเท่ากับกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาในคลองทำให้หัวเรือหักและตกลงน้ำ  ซึ่งแน่นอนว่าการที่พันท้ายนรสิงห์ไม่สามารถคัดท้ายเรือได้ทันนั้นถือว่าเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวงในสมัยก่อนนั้นดังนั้นโทษฐานที่เขาจะได้รับก็คือการถูกประหารชีวิตนั่นเอง

            ซึ่งพันท้ายนรสิงห์เองก็รู้ตัวดีว่าโทษในครั้งนี้มีความผิดอย่างใหญ่หลวงเมื่อขึ้นมาบนฝั่งพันท้ายนรสิงห์จึงได้ไปขอรับผิดกับองค์พระเจ้าเสือด้วยการขอให้สั่งประหารชีวิตตนเองซึ่งอันที่จริงแล้วในตอนนั้นพระเจ้าเสือก็ทราบดีอยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ความผิดของพันท้ายนรสิงห์เพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัยเนื่องจากว่าน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราดที่สำคัญมันมีความคดโค้งมากซึ่งพระองค์รู้ดีว่าหากใครมาทำตำแหน่งนั้นก็คงจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นเช่นเดียวกัน

             ดังนั้นพระเจ้าเสือจึงไม่ได้สั่งประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์  แต่ตัวของพันท้ายนรสิงห์เองเห็นว่า  กฎมณเฑียรบาลมีการระบุเอาไว้อย่างนั้นอยู่แล้วว่าถ้าใครทำหัวเรือหักจะต้องถูกประหารชีวิตดังนั้นพันท้ายนรสิงห์จึงยืนยันที่จะให้พระเจ้าเสือสั่งประหารชีวิตตนเอง ซึ่งองค์พระเจ้าเสือก็ได้มีการสั่งให้ทหารคนอื่นๆนั้นไปนำดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปร่างของคนหลังจากนั้นก็ให้ทหารตัดศีรษะของดินเหนียวและบอกว่านี่คือศีรษะของคนที่ทำหัวเรือหักหลังจากนั้นพระเจ้าเสือก็สั่งให้พันท้ายนรสิงห์กับลงไปในเรือเพื่อคัดท้ายเรือเหมือนเดิม

               แต่ทางด้านพันท้ายนรสิงห์ก็ยืนยันที่จะให้พระเจ้าเสือสั่งประหารชีวิตของตนเองเพราะไม่อยากให้พระเจ้าเสือนั้นต้องทำผิดกฎมณเฑียรบาลดังนั้นพระเจ้าเสือจนใจด้วยไม่รู้จะทำเช่นไรกับพันท้ายนรสิงห์ในที่สุดจึงได้สั่งประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ตามที่พันท้ายนรสิงห์ได้ส่งขอหลังจากนั้นก็มีการพูดถึงเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์นับตั้งแต่นั้นสืบมาถึงความซื่อสัตย์สุจริตของเขานั่นเองจนในปัจจุบันนี้ได้มีกรมศิลปากรมาสร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ไว้ที่จังหวัดสมุทรสาครและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรสาครจนถึงปัจจุบัน

 

สนับสนุนโดย  สูตรหวยยี่กี ruay

ประวัติการสร้างสะพานแม่น้ำไทยลาว 

             สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำระหว่างไทยข้ามไปประเทศลาวนั้นมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับประวัติการก่อสร้างเนื่องจากว่ามีอาถรรพ์เกิดขึ้นต่างๆมากมายซึ่งการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำไทยลาวนี้จะเป็นการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงหลายคนเชื่อกันว่าในแม่น้ำโขงนั้นมีสิ่งเร้นลับอาศัยอยู่ซึ่งก็คือเป็นที่อยู่ของพญานาคนั้นเอง

          เกี่ยวกับเรื่องของตำนานการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำไทยลาวแห่งนี้ว่ากันว่ากว่าที่จะมีข้อตกลงสามารถสร้างสะพานได้นั้นก็เสียเวลานานหลายปีเลยทีเดียวและเมื่อเริ่มก่อสร้างที่จะเริ่มสร้างสะพานก็เกิดอาถรรพ์แรกเกิดขึ้นเมื่อตรงบริเวณที่นายช่างมีการสร้างเป็นออฟฟิศเอาไว้อยู่ตรงบริเวณริมแม่น้ำโขงอยู่ๆก็มีคนมาผูกคอตาย

             โดยที่ไม่ทราบสาเหตุการตายทำให้คนงานต่างพากันหวาดกลัวเกรงว่าจะเกิดอาถรรพ์จากการที่มาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงจึงไม่มีชาวบ้านคนไหนอย่ามาเป็นแรงงานให้จนนายช่างใหญ่ต้องทำการรื้อออฟฟิศดังกล่าวทิ้งและนำไม้ที่สร้างออฟฟิศนั้นไปบริจาคที่วัดและสร้างออฟฟิศใหม่ขึ้นมาอีกทีหนึ่ง 

          จากนั้นก็เริ่มมีการก่อสร้างกันขึ้นซึ่งช่วงที่มีการก่อสร้างนั้นก็จะมีการวางโครงเหล็กเพื่อให้คนงานนั้นได้ขึ้นไปทำการสร้างสะพานและหลังจากที่มีการสร้างสะพานโครงเหล็กนี้ได้ประมาณ 5 เดือนก็เกิดเหตุการณ์อาถรรพ์เกิดขึ้นเมื่อมีคนงานคนหนึ่งได้ตกลงมาจากโครงเหล็กทำให้คนงานที่ตกลงมานั้นร่างกายแหลกเหลวสร้างความหวาดกลัวให้กับคนงานคนอื่นเป็นอย่างมาก

      เท่านั้นยังไม่พอยังมีเหตุการณ์ที่คนงานก่อสร้างทำงานแล้วเกิดอากาศร้อนมากจึงได้เดินไปตรงบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขงแล้วใช้มือทั้งสองข้างวักน้ำขึ้นมาเพื่อหวังจะล้างหน้าแต่เผอิญเหยียบผ้าทำให้ลื่นตกลงไปในแม่น้ำโขงทำให้เสียชีวิตและจากเหตุการณ์ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้คนงานต่างพากันพูดถึงอาถรรพ์การสร้างสะพานแม่น้ำไทย –ลาวแห่งนี้

             แต่อย่างไรก็ตามการสร้างสะพานก็ยังคงดำเนินต่อไปจนมีการสร้างสะพานไปถึงกลางแม่น้ำปรากฏว่าไม่สามารถตอกเสาเข็มลงไปในแม่น้ำได้ยิ่งทำการตอกเสาเข็มลงไปเท่าไหร่ก็ทำให้เสาเข็มหักจึงทำให้หัวหน้าวิศวกรนั้นเข้าไปตั้งรับประทานน้ำมาสำรวจๆนางว่ามีอะไรอยู่ใต้น้ำซึ่งเมื่อนักประดาน้ำดำลงไปเลยแล้วโผล่ขึ้นมาต่างก็พากันหวาดกลัวและไม่กล้าพูดอะไรจนภายหลังจึงได้มาบอกเล่าให้ฟังว่าตอนที่ดำน้ำลงไปนั้นพวกเขาเห็น ดวงไฟซึ่งอยู่เป็นคู่มากมายหลายคู่โดยทีเดียวและเมื่อมองเพ่งดูดีๆก็เหมือนกับว่าเป็นดวงตาของสัตว์ประหลาดที่อยู่ใต้น้ำ

           และมีเป็นจำนวนมากจึงทำให้พวกเขานั้นเกิดความหวาดกลัว อีกทั้งนักประดาน้ำแดงบอกลักษณะของสัตว์ประหลาดตัวดังกล่าวว่ามีลักษณะคล้ายๆยาวเหมือนงูและลำตัวนั้นมีเกล็ดห่อหุ้มเป็นสีเขียวซึ่งเมื่อเขาได้เห็นดังนั้นจึงได้ขึ้นจากแม่น้ำทันทีเพราะเกิดความหวาดกลัวทำให้เรื่องราวของนักประดาน้ำที่ลงไปเจอนั้นมีการกล่าวถึงการเป็นอย่างมากโดยมีการเชื่อกันว่าสิ่งที่นักประดาน้ำเห็นนั่นก็คือเหล่าพญานาคนั้นเอง

       อย่างไรก็ตามแต่หัวหน้าวิศวกรซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าก่อสร้างไปเรื่อยๆอย่างไรก็ตามในช่วงก่อนถึงวันอาสาฬหบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาของคนไทยมีคนงานชายคนหนึ่งได้นอนหลับและฝันว่ามีชายชราคนหนึ่งได้เดินทางมาหาแล้วบอกกับเขาว่าขอให้ช่วยไปบอกหัวหน้าวิศวกรก่อสร้างให้หยุดทำงานชั่วคราวก่อน 1 วันเพื่อที่พวกเขานั้นจะได้มีการสวดมนต์ภาวนาเมื่อคนงานตื่นขึ้นมาแล้วไปแจ้งหัวหน้างานปรากฏว่าหัวหน้างานนั้นไม่ยอมเชื่อยังคงสั่งให้ทำงาน เกิดเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ทำให้มีคนเสียชีวิตทั้งหมด 8 คนด้วยกันรวมถึงวิศวกรที่สั่งให้คนงานทำงานในวันนั้นด้วยและดังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นก็ทำให้การสร้างสะพานไทยลาวนั้นหยุดชะงักชั่วคราวไปเป็นระยะเวลานานเลยทีเดียวกว่าจะกลับมาสร้างใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง

 

สนับสนุนโดย  aecasino

วงการศึกษางานศิลปะในยุคปัจจุบัน 

มนุษย์มีความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นร่องรอยความเป็นอยู่หรือแม้แต่จะเป็นสภาพสังคมความ การศึกษาต่างๆก็มีการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาตลอดเวลา คนไทยยุคสมัยคือการศึกษาเรื่องราวต่างๆการส่งต่อหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตนี้จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้คนจำเป็นจะต้องมีการศึกษาเรื่องราวต่างๆ

หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลต่างๆที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การคิดค้นเกี่ยวกับตัวอักษรก็คือการจดบันทึกเรื่องราวอีก 1 รูปแบบแต่อย่างไรก็ตามงานศิลปะต่างๆก็ส่วนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงสังคมวัฒนธรรมหรือความเป็นอยู่ของผู้คนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นอย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคสมัยก็มีลักษณะในการทำงานที่ต่างๆ

อายุปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการใช้ชีวิตของมนุษย์ในการดำรงชีวิตของมนุษย์มีการผลิตเครื่องไม้เครื่องมือหรือแม้จะเป็นการผลิตโครงสร้างในความเป็นอยู่ของผู้คนก็มีการพัฒนาตลอดเวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมต่างๆหรือแม้จะเป็นการทำงานไฟฟ้าต่างๆก็มีการพัฒนาหรือการปรับปรุงรูปแบบอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ผู้คนให้ความสนใจในการจารึกเรื่องราวต่างๆเป็นลายลักษณ์อักษรหรือแม้แต่จะเป็นตามลักษณะคุณภาพชีวิตของผู้คนก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

เราสามารถพบเห็นได้ว่าเรื่องราวความเชื่อไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าหรือแม้แต่จะเป็นความเชื่อของมนุษย์ ถูกสะท้อนในงานศิลปะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดภาพเกี่ยวกับการทำงานศิลปะต่างๆผู้คนให้ความสนใจในการพัฒนาทั้งสิ้นอย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในการใช้ชีวิตของมนุษย์การพัฒนางานต่างๆก็มีการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาตลอดเวลาให้มีประสิทธิภาพ

ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจในการพัฒนาโครงสร้างความเป็นอยู่หรือแม้จะเป็นการให้ความสนใจในการทำงานศิลปะอยู่ตลอดเวลาเพราะงานศิลปะต่างๆการสะท้อนเรื่องราวต่างๆความเป็นอยู่หรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของคุณภาพชีวิตของผู้คน ผู้คนมีการผลิตอุปกรณ์ตลอดเวลา

ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใช้ในการเครื่องครัวหรือแม้แต่จะเป็นในการใช้ในการดำเนินชีวิตต่างๆนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่งานศิลปะได้เป็นส่วนหนึ่งที่นำเข้ามาพัฒนารูปแบบในการใช้บันทึกอยู่ในเครื่องใช้ต่างๆ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันยังมีการเก็บรักษาอยู่ใน Museum หรือสถานที่จัดนิทรรศการต่างๆรวมถึงหอศิลปะต่างๆ

ยุคสมัยต่างๆเหล่านี้เราสามารถเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ทั้งงานศิลปะหรือแม้แต่จะเป็นการเรียนรู้เพื่อพัฒนาอาชีพต่างๆได้ง่ายมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการเปิดสอนคอร์สการเรียนการสอนออนไลน์ หรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของสถาบันการศึกษาเกี่ยวกับทางด้านศิลปะในยุคปัจจุบันก็มีการเปิดกว้างที่ค่อนข้างมาก

เพื่อพัฒนาโครงสร้างความเข้าใจของผู้คนโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงลักษณะสภาพสังคมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงมีการพัฒนาทางด้านการศึกษาอยู่ตลอดเวลา 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สูตร ยี่กีเข้าทุกรอบ