การกู้เงินของซัดดัม ฮุสเซนเพื่อมาทำสงครามกับประเทศอิหร่าน

ในการรบของประเทศอิรักและประเทศอิหร่านได้มีความยาวนานมาถึง8ปีจึทำให้ด้าน ซัดดัม ฮุสเซนก็ได้เริ่มมองหาหนทางในการเผด็จศึกโดยการใช้อาวุธชีวภาพที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเยรมันทางด้านตะวันตกเพราะในตอนนั้นทางประเทศเยรมันนั้นยังไม่ได้รวมเป็นประเทศเยรมันเดียวมีทั้งเยรมันตะวันออกและเยรมันทางตะวันตก

ส่งผลให้กองทัพอิหร่านประสบความสูญเสียจากอาวุธชีวภาพเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเมื่ออิหร่านได้ใช้คนจำนวนมากในยุทธวิธีคลื่นมนุษย์เมื่อได้เจออาวุธชีวภาพเข้าไปก้ได้ส่งผลในความสูญเสียอย่างหนักและในขณะเดียวกันทางด้านสหรัฐอเมริกา

ซึ่งในขณะนั้นก็ได้เป็นไม้เบื่อไม้เมาของประเทศอิหร่านอันเนื่องมาจากการบุกยึดสถานทูตสหรัฐอเมริกาของนักศึกษาอิหร่านในกรุงเตหะรานเมืองหลวงของประเทศอิหร่านก็ได้ให้การสนับสนุนประเทศอิรักในด้านต่างๆรวมทั้งภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นถึงการคลื่นกำลังของประเทศอิหร่านส่วนฝรั่งเศษนั้นก็ได้ขายอาวุธมากกว่า2,500ล้านเหรียญสหารัฐให้กับอิรัก

แต่ก็จะดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอในการที่จะทำสงครามทางด้านซัดดัม ฮุสเซนก็ต้องไปกู้เงินจากกลุ่มประเทศอาหรับต่างๆเอามาเพื่อจะใช้ในการทำสงครามและหนึ่งในประเทศที่ยอมให้กู้เงินนั้นก็คือประเทศคูเวต ซึ่งได้ให้กู้เงินกว่า3ล้านเหรียญสหรัฐและประเทศคูเวตนั้นก็จะต้องเป็นเหยื่อของซัดดัม ฮุสเซนในอานาคต และในระหว่างนี้เองชาวเคิร์ด

ซึ่งได้เป็นชนชาวกลุ่มน้อยที่ได้อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิรักก็ได้ลุกขึ้นมาเพื่อการสนับสนุนของอิหร่านเพื่อหวังจะเปิดแนวรบด้านที่สองของประเทศอิรักจึงได้ทำให้ซัดดัม ฮุสเซนตัดสินใจตอบโต้ชาวเคิร์ดด้วยการโจมตีโดยก๊าซมัสตาร์ดและก๊าซประสาทส่งผลให้มีประชาผู้ที่บริสุทธิ์ในเมืองฮารัปปากว่า5,000คนได้เสียชีวิตลง

และยังได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ10,000คนซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยแพร่ของสภาพซากศพของผู้คนในเมืองเป็นเป็นจำนวนมากและในจำนวนนี้ได้มีทั้งเด็กและสตรีและคนสรารวมอยู่ด้วยในวันที่20สิงหาคม คริสตศักราช1988 ด้านองค์การสหประชาชาติก็สามารถได้เจรจาให้ประเทศอิรักและประเทศอิหร่านยุติการสู่รบลงได้ท่ามกลาความอ่อนล้าของทั้งสองประเทศ

ผลจากสงครามทำให้อิรักและอิหร่านต่างก็เป็นผู้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับกันไปในทั้งคู่แต่ผู้นำของทั้งสองประเทศกับได้ผลรับที่แตกต่างกัน ซัดดัม ฮุสเซน ทำให้อิรักกลายเป็นหนีสินในประเทศอาหรับเป็นจำนวนมาก

เพื่อนำเอามาซื้ออาวุธยุทโธปรณ์ในการทำสงครามเขาได้กู้เงินนับล้านเหรียญ์สหรัฐจนกระทั่งมองไม่เห็นหนทางใดๆอิรักจะชำระหนี้สินนี้ได้อย่างไรในชั่วเวลา1อายุคนนอกจากนี้อิรักก็ยังต้องการจำนวนเงินอย่างมหาสารมาใช้ฟื้นฟูประเทศที่เกิดจากภัยสงคราม

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

การเจรจาให้สงบศึกขอผู้ที่โกงเงินในประเทศ

Jean Claude Duvalier

 สำหรับจำนวนเงินที่เขาได้โกงคือ800ร้อยล้านดอนลาร์Jean Claude Duvalierได้รับการสืบทอดในตำแหน่งประธานาธิบดีมาจากพ่อของเขาJean Claude Duvalierซึ่งในตอนนั้นเขานั้นได้มีอายุแค่เพียง19ปีถึงได้ว่ามีประธานาธิบดีอายุน้อยมากที่สุดสำหรับในยุคนั้นเขาได้ดำเนินนโยบายและได้เข้าหาประเทศสหรัฐอเมริกามากขึ้น

ซึ่งมันก็ได้ต่างงไปจากในสมัยพ่อของเขาที่ได้มีปัญหากับอเมริกาแต่ทางด้านลูกของเขานั้นก็ได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราและได้ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยสำหรับในการแต่งงานของเขาก็ได้ใช้เงินในงบประมาณประเทศไปถึงประมาณ5ดอนลาร์สหรัฐในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะต้องทุกข์ทนกับความยากจนและได้นำไปสู่ความมรุ้ก็คือในการขับไล่พวกเขาจึงต้องทำให้เขานั้นจะต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศษก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศเฮติอีกครั้ง

นายJean Claude Duvalierก็ได้ถูกตำรวจจับกุมและโดยดำเนินคดีในหลายข้อหาทั้งทุจริตคอรัปชั่นการละเมอสิทธิชนโดยกลุมมนุษย์สิทธิชนในหลายกลุ่มได้กล่าวหาว่าได้มีนักโทษทางการเมืองหลายคนได้ถูกทรมานในสมัยการปกครองของพ่อของเขาแต่อย่างไรก็ตามเขาก้ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้วและในเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาและในที่สุดเขานั้นก็ได้เสียชีวิยลงอย่างสงบ

Slobodan Milosevic

สำหรับจำนวนเงินที่ได้โกงคือ1,000ล้านดอนลาร์เขาได้เกิดที่ประเทศเซอร์เบียในปี 1941ได้ศึกษาจบทางด้านกฏหมายจากมหาวิทยาลัยบิวเกลSlobodan Milosevicได้มีฐานะการงานที่มั่นคงก่อนที่ตัวของเขานั้นจะก้าวเข้าสู่วงการเมืองอย่างเป็นทางการเริ่มจากตำแหน่งผู้บริในบริษัทพลังงานแห่งชาติและธนาคารในแบวเกรดจึงทำให้เขาได้มีโอการที่จะได้เดินทางไปยังต่างประเทศอยู่บ่อยครั้งเช่นเดียวการฝึกทัศษะภาษาอังกฤษในตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งเซอร์เบียและสหพันธรัฐยูโกสลาเวีย

และยังได้เป็นพรรคผู้นำทางสังคมนิยมเซอร์เบียSlobodan Milosevicก็ได้มีนโบายชาตินยมมากเป็นผู้นำชาวเซิฟที่ได้มุ่งมั่นสร้างชาติให้เซอร์เบียได้ยิ่งใหญ่โดยการรวมตัวของเซิฟในดินแดนต่างๆเข้ามาเป็นประเทศเดียวกันและก่อนที่เขานั้นจะได้รับตำแหน่งและได้มีหลายกระบวนการเคลื่อนไหวและกำลังที่จะพยายามที่จะแยกตัวออกไปเป็นเอกราชของสาธารณรัฐต่างๆSlobodan Milosevicก็ได้แก้ไขเรื่องราวเหล่านี้

ด้วยความรุนแรงโดยเฉพาะในการทำสงครามกับชาวบอสเนีย ซึ่งได้เป็นกลุ่มที่ใหญ่ของประเทศเพื่อยึดครองพื้นที่และดินแดนจากชาวมุสลิมจนในสถานะการได้บาลปลายได้มีผู้ที่สูญหายและเสียชีวิตมากกว่า2,5000คนและในประชาชนอีกประมาณ2ล้านคนกลายเป็นผู้อพยพที่พัดถิ่นสหประชาชาติจึงได้ร้องขอให้นาโต้ส่งกล้องกำลังทหารเข้าไปเพื่อกดดันให้มีการเจรจาสถานะการณ์สงบศึก

 

ขอขอบคุณเว็บ  bk8  ที่ให้การสนับสนุน

เรื่องเล่าของในป่าทึบในหุบเขา

ทิวเขาที่ยาวทั้งสองลูกทอดเป็นแนวเดียวกันกับขอบฟ้ามองดูไกลๆเหมือนว่าจะเป็นลูกเดียวกันแต่เมื่อเรามองดูไกลๆก็จะเห็นว่ามันหลืบกันอยู่พอให้มีช่องทางที่จะลัดเลาะไปทางด้านหลังยามเช้าและเย็นมักจะมีเมฆหมอกลอยคออยู่บนยอดเขานั้นในวันที่มีฝนหมอกเมฆจะปกคุมจนมิดจนทำให้ส่วนล่างเขียวคื้มเข้นจนเกือบดำห่าวงออกมาจากราบเนินของตีนเขามีลำธานสองสายไหลลัดเลาะลงสู่ที่ราบลุ่มป่าทึบ

ถูดถางเป็นทางออกสลับกับกระท่อมที่อยู่หลายหลังได้กระจัดกระจายอยู่ในหมู่ไม้ชาวบ้านได้อพยพเข้ามาถางทำไร่ปลูกมันมาได้เกือบจะสิบปีแล้วเพราะดินดีน้ำดีจึงได้ทำให้พืชผลงอกงามอุดมสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นมันข้างโพดข้าวไร้และถั่วเหลืองปัญหาของหมู่หัวหัวดงไม่ได้อยู่ที่ความแห้งแร้งแต่หากว่าอยู่ที่น้ำท่วมมากกว่าพอลำธานทั้งสองสายไม่เคยขาดน้ำไม่ว่าที่อื่นจะแร้งสักแค่ไหน

ที่นี่ก็จะมีน้ำไหลรินพอให้ได้อาบได้กินและลดพืชพักได้ทุกวันแต่สภาพพื้นที่ราบลุ่มเชิงเขาใหญ่ยามฝนตกน้ำจะทลักลงมาราวกับว่าเขื่อนพังแรกๆได้มีคนตายกันเกือบจะทุกปีบ้านทั้งบ้านได้หายไปในน้ำในชั่วพริบตาเมื่อรู้ถึงภัยของสายน้ำชาวบ้านก็เลยขยับขึ้นไปปลูกบนที่สูงขึ้นไปอีกแม้จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหลากแต่ก็ต้องออกแรงตักน้ำเอามาใช้เรื่องน้ำเป็นปัญหาทางธรรมชาติ

แต่เนื่องจากบริเวณนี้เป็นป่าดิบดงทึบมาก่อนเมื่อชาวบ้านมาถางจึงต้องมีปัญหากับกรมป่าไม้จนกระทั่งทุกวันนี้ปัญหาก็ยังไม่จบสิ้นวันดีคืนร้ายเจ้าหน้าที่ก็จะมาไล่จับข้อหาบุกรุษป่าสงวนแห่งชาติแม้จะมีคนโดนปรับโดยจับและติดคุกบ้างที่เหลือก็หลบๆซ้อนๆคอยหลบกรมป่าไม้ถึงอย่างไรทุกคนก็ยังอยู่นอกจากไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้ว

ตรงนี้ได้เป็นทำเลเหมาะดินดีน้ำดีการคมนาคมสะดวกมาทางเกวียนผ่านหน้าแร้งนรถจิบเข้ามาได้เมื่อผ่านเหลี่ยนเขาที่วางซ้อนกันอยู่ยังมีเส้นทางเกวียนได้ลัดเลาะเข้าไปอีกไกลจนกระทั่งเส้นทางได้ลบเลือนจนกลายมาเป็นทางป่า

และมีความรกที่ไม่อาจจะเข้าไปได้ในช่วงหน้าฝนเบี้ยงหลังมีเขาสีเสียดกับเขาลูกช้างเป็นป่าทึบผืนใหญ่ที่ยังไม่มีใครที่จะสำรวจมันได้ทั่วพื้นที่สลับซับซ้อนมีโตกผาถ้ำน้อยใหญ่น้ำตกและลำธานอยู่หลายสายทั้งที่ราบและเนินสูงมีไม้ใหญ่น้อยที่มีค่ามากมาย

 

สนับสนุนเรื่องราวเหล่านี้โดย  dewabet

ย้อนรอยตำนานพระนางเรือล่มโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า

หากพูดถึงพระนางเรือล่มเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดีโดยเฉพาะชาวจังหวัดนนทบุรีเนื่องจากว่าเหตุการณ์เรือล่มในครั้งนั้นเกิดที่อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรีเองซึ่งฐานทางประวัติศาสตร์ยังมีให้เห็นจนถึงปัจจุบันนี้โดยมีซากเรือที่ถูกกูขึ้นมาไว้ที่วัดกู้ตรงอำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี

     ตามตำนานของพระนางเรือล่มนั้นว่ากันว่าพระองค์เป็นพระมเหสีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 โดยเหตุการณ์เศร้าสลดในครั้งนั้นเกิดขึ้นมาจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงจะเสด็จ เดินทางไปที่พระราชวังบางปะอินซึ่งการเสด็จในครั้งนี้นอกจากพระองค์จะทรงเสด็จไปพร้อมกับพระราชธิดาแล้วยังมีเรือของพระพันปีหลวงและเรือนางในอีกหลายลำที่ตามเสด็จมาด้วยซึ่งในช่วงที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงเสด็จไปที่พระราชวังบางปะอินนั้นในขณะนั้นพระองค์ทรงพระครรภ์อยู่ด้วยอายุครรภ์อยู่ที่ประมาณ 5 เดือน

และระหว่างที่นายเรือกำลังพายเรือมาตรงบริเวณตำบลบ้านพูดเรือหลวงของพระพันปีหลวงพ่อได้ปลายามที่จะพายแสงขึ้นมาด้านบนซึ่ง ลักษณะของการพายเรือแซงกันนั้นทำให้ท้ายเรือไปชนกันและฝีพายที่รับหน้าที่พายเรือของพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์นั้นมีอาการเมาสุราจึงไม่สามารถที่จะควบคุมหางเรือให้คงที่ได้เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุเรือล่มในแม่น้ำ

ซึ่งในขณะนั้นพระองค์ทรงว่ายน้ำได้แต่เนื่องจากเห็นว่าพระธิดาของพระองค์อยู่ในอันตรายกำลังจะจมน้ำจึงได้ว่ายน้ำกลับไปเพื่อช่วยเหลือพระธิดาจึงเป็นสาเหตุให้พระองค์และพระราชธิดาเสด็จสวรรคตพร้อมกันสร้างความเศร้าโศกให้รัชกาลที่ 5 และประชาชนทุกคนเป็นจำนวนมาก

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจมีเสียงเล่าลือออกมาว่าเกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุเนื่องด้วยนอกจากพระนางจะเสียชีวิตไปพร้อมกับพระราชธิดาแล้วยังมีในครรภ์ของพระองค์อีกหนึ่งองค์ที่ต้องเสียชีวิตตามไปด้วยมีการเล่ากันว่าตอนที่พระนางกำลังจะจมน้ำนั้นไม่มีทหารคนใดลงไปช่วยเหลือพระนางเลยเนื่องจากว่ามีกฎห้ามให้ใครถูกเนื้อต้องตัวพระมเหสีดังนั้นทุกคนจึงกลัวการโดนตัดหัวจึงทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะลงไปช่วยพระนางจนทำให้พระนางถึงแก่ความตายเหตุการณ์ในครั้งนี้

กว่าที่จะมีการกู้ซากเรือขึ้นมาและหาร่างของพระนางเจอนั้นต้องใช้ระยะเวลาเป็นอย่างมากโดยมีการพบศพของพระนางอยู่ใต้ของเรือใต้น้ำในสภาพศพพระนางกำลังกอดพระราชธิดาอยู่ในอ้อมอกและเสียชีวิตไปพร้อมกันเป็นภาพที่สร้างความเศร้าสะเทือนใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นจำนวนมากหลังจากที่กู้ซากเรือและนำพระศพขึ้นมาได้จึงมีการเรียกว่าที่นำพระศพของพระนางขึ้นมาว่าวัดกู้และจึงเป็นที่มาของตำนานพระนางเรือล่ม

ตำนานราชาไมดาสผู้ที่สัมผัสอะไรก็เป็นทองคำ

  ที่นครไฟร์เกีย มีกษัตริย์ที่ปกครองเมื่องชื่อว่า ราชาไมดาส ซึ่งเขาไปคนที่ชอบทองเป็นชีวิตจิตใจ อยู่มาวันหนึ่งเขาได้เดินไปทางแม่นำซานการิอัส แล้วได้พบกับชายคนหนึ่งถูกมัดมือมัดเท้า เขาจึงได้ช่วยเหลือชายคนนั้น และพามารักษาตัวอยู่ที่พระราชวังของเขา จนชายคนดังกล่าวหายดี  ซึ่งต่อมาจึงได้ทราบว่าชายคนดังกล่าวที่ราชาไมดาสได้ช่วยเหลือนั้น คือ ไซเลนนัส ซึ่งเขาถือว่าเป็นเพื่อนสนิทของเทพเจ้าแห่งไวน์ และเป็นเทพเจ้าแห่งการเฉลิมฉลอง

นั้นก็คือ เทพเจ้าไดโอนีซุส ซึ่งทำให้เขาได้รับพรจากเทพเจ้าไดโอนีซุสว่าสามารถขออะไรก็ได้ 1 อย่าง เพื่อเป็นการตอบแทนกับความดีที่ราชาไมดาสได้ช่วยเหลือ  ไซเลนนัส เอาไว้ และด้วยความโลภของเขา ดังนั้น ราชาไมดาส จึงได้ขอพรเทพเจ้าไดโอนีซุส ว่า ขอให้เขาจับอะไรก็ได้ไม่ว่าทุกสิ่งที่เขาจับนั้นจะเป็นอะไรก็ต้องไปเป็นทองคำทั้งสิ้น และหลังจากที่คำขอของราชาไม่สิ้นสุดลง เทพเจ้าไดโอนีซุสก็ให้พรนั้นแก่ราชาไมดาสทันที ซึ่งหลังจากที่รับพรวันรุ่งขึ้นเมื่อราชาไมดาส

ตื่นเช้าขึ้นมา เขาจึงได้ ทำการทดลองจับทั้งตู้ เตียง ของทุกอย่างที่อยู่ภายในห้องนอนของเขาเอง และไม่ว่า ราชาไมดาส จะหยิบจับอะไรก็ไปเป็นทองคำทั้งหมด เขาจึงอารมณ์ดีมาก เดินออกมาจากห้องนอนและตลอดทางเดินที่เขาเดินผ่าน ราชาไมดาสก็จับทั้งหมดทำให้ทั้งวังเป็นทองคำ  รวมถึงแก้วน้ำ ผลไม้และอาหาร ด้วยส่งผลให้ราชาไมดาส ถึงแม้จะหิวมาก แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะกินอะไรได้เลย และในขณะที่ราชาไมดาสกำลังอารมณ์เสียเกี่ยวกับที่พระองค์ไม่สามารถกินอะไรได้อยู่นั้น

พระราชธิดาของพระองค์ก็วิ่งมหาพระองค์และสวมกอดพระองค์ส่งผลให้พระราชธิดาของพระองค์กลายเป็นทองคำทันทีหลังจากนั้นพระองค์ก็เสียใจและต้องเรียกหาแต่เทพเจ้าไดโอนีซุสเพื่อร้องขอให้พระเจ้าช่วยดึงพรวิเศษที่เคยให้กับประชามายดาสคืนเพราะพระองค์ต้องการที่จะให้ลูกสาวของพระองค์กลับมามีชีวิตอยู่เหมือนเดิม

ซึ่งเทพเจ้าไดโอนีซุสก็เกิดความรู้สึกสงสารต่อราชาไมดาสจึงได้มีการชำระล้างพรที่เคยให้กับราชาไม่ได้ออกไปดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ราชาไมดาสเคยจับต้องแล้วกลายเป็นทองคำจึงกลับมาเป็นปกติดังเดิม   และพรที่เทพเจ้า releases ได้ชำระล้างออกจากราชาไมดาสนั้นไหลลงแม่น้ำทำให้แม่น้ำกลายเป็นผงทองคำทั้งสายจึงเกิดเป็นตำนานไม่ได้พูดสัมผัสอะไรก็เป็นทองคำ