ตำนานประวัติศาสตร์ของจิ๋นซี

ในช่วงชีวิตของกษัตริย์ราชวงศ์จิ๋นซีในช่วงตอนนั้นเขาก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ของจีนที่ไม่มีใครที่จะสามารถที่จะทำได้เหมือนเขาเลยนั่นก็คือเขาได้ทำการรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นแผ่นเดียวและก็ไม่เคยที่จะแพ้สงครามให้กับใครเลย

เพราะฉะนั้นแล้วความยิ่งใหญ่ในราชวงศ์จิ๋นซีในช่วงตอนนั้นถือว่ายิ่งใหญ่และถือว่าได้โด่งดังไปทั่วโลกเลยเขาเลยจะต้องจัดสร้างหลุมศพตัวเองที่มีขนาดใหญ่มากๆพอที่จะเทียบเท่ากับชื่อเสียงของเขาได้แต่ในตอนนั้นทางทีมวิศวของจีนเขาเลือกที่จะไม่สร้างให้เป็นหลุมศพเพราะเขาดุว่ามันดูเล็กและมันดูไม่ยิ่งใหญ่พอเขาเลยได้ตัดสินใจสร้างเป็นอนุสรณ์สถานบุรษุพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศจีนแทน

ซึ่งตรงจุดนี้แล้วเราจะต้องแยกแยะก่อนคำว่าหลุมศพกับอนุสรณ์สถานมันต่างกัน คำว่าหลุมศพมันเป็นเพียงแค่สถานที่เอาไว้ฝังศพเพียงเท่านั้นแต่ถ้าเป็นอนุสรณ์สถานเราจะพูดให้ได้เห็นภาพกันง่ายๆก็เทียบในทัชมาฮาลในยุคปัจจุบันที่มีความยิ่งใหญ่และได้มีความสวยงามมากกว่าหลุมศพทั่วไปนั่นเอง

นอกจากนี้ในแนวคิดของการสร้างอนุสรณ์สถานจุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากราชวงศ์จิ๋นซีแต่การสร้างอนุสรณ์สถานให้กับจีนในสมัยก่อนมันเคยมีมาแล้วและมันเคยมีหลักฐานในหน้าประวัติศาสตร์เอาไว้ด้วย

ตามข้อมูลที่เราได้ไปหามาเขาได้บันทึกเอาไว้ว่าจากหลักฐานที่ค้นพบปกติหลุมศพของจีนสมัยยุคโบราณจะมีลักษณะที่เป็นหลุมลึกๆที่มีรูปแบบและลักษณะโรคงสร้างที่ไม่ยากแลสามารถทำได้ง่ายทั่วไปอย่างง่ายๆแต่

เมื่อปี1977ทีมนักโบราณคดีของประเทศจีนได้ขุดค้นพบสุสานของขุนนางท่านหนึ่งที่ได้มีชื่อว่า “ เซิง เฮ่า ยี่  “โดยจากการตรวจสอบอายุของหลุมศพตรงนี้เขาได้คาดการณ์กันว่ามีอายุราวๆ200ปีก่อนที่จะมีจักรพรรดิองค์แรกและนั่นก็อาจจะแปลว่าหลุมศพนี้ได้มีมาก่อนที่จะมีประวัติศาสตร์ของราชวงศ์จิ๋นซีนั่นเองและยังได้พบอีกว่าหลุมศพนี้ได้มีความแปลกกว่าหลุมศพอื่นๆนั่นก็คือ

หลุมศพนี้เป็นหลุมศพที่เหมือนกับปราสาทใต้ดินเลยโดยลายละในการค้นพบของหลุมศพนี้ตามข้อมุลของยังได้บอกเอาไว้อีกว่าบริเวณด้านในได้ถูกตกแบ่งออกเป็นห้องๆมีทั้งห้องนอนห้องน้ำและห้องอื่นๆที่ได้มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตและจะมีอยู่อีกหนึ่งห้องนั่นก็คือห้องที่ได้เอาไว้ฝังโลงศพแต่ทุกๆห้องนั้นจะมีการเจาะรูเอาไว้และในตามความเชื่อแล้วการตายไม่มันไม่ใช่จุดจบแต่การตายเป็นการเริ่มต้นใหม่และวิญญาณต้องมีอยู่จริงเขาเลยต้องเจาะรูเพื่อให้วิญญาณได้ออกไปใช้ชีวิตตามห้องต่างๆที่เขาได้เตรียมเอาไว้และสามารถใช้ข้าวของเครื่องใช้ในนั้นได้อีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  dewabet

เรื่องเล่าของในป่าทึบในหุบเขา

ทิวเขาที่ยาวทั้งสองลูกทอดเป็นแนวเดียวกันกับขอบฟ้ามองดูไกลๆเหมือนว่าจะเป็นลูกเดียวกันแต่เมื่อเรามองดูไกลๆก็จะเห็นว่ามันหลืบกันอยู่พอให้มีช่องทางที่จะลัดเลาะไปทางด้านหลังยามเช้าและเย็นมักจะมีเมฆหมอกลอยคออยู่บนยอดเขานั้นในวันที่มีฝนหมอกเมฆจะปกคุมจนมิดจนทำให้ส่วนล่างเขียวคื้มเข้นจนเกือบดำห่าวงออกมาจากราบเนินของตีนเขามีลำธานสองสายไหลลัดเลาะลงสู่ที่ราบลุ่มป่าทึบ

ถูดถางเป็นทางออกสลับกับกระท่อมที่อยู่หลายหลังได้กระจัดกระจายอยู่ในหมู่ไม้ชาวบ้านได้อพยพเข้ามาถางทำไร่ปลูกมันมาได้เกือบจะสิบปีแล้วเพราะดินดีน้ำดีจึงได้ทำให้พืชผลงอกงามอุดมสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นมันข้างโพดข้าวไร้และถั่วเหลืองปัญหาของหมู่หัวหัวดงไม่ได้อยู่ที่ความแห้งแร้งแต่หากว่าอยู่ที่น้ำท่วมมากกว่าพอลำธานทั้งสองสายไม่เคยขาดน้ำไม่ว่าที่อื่นจะแร้งสักแค่ไหน

ที่นี่ก็จะมีน้ำไหลรินพอให้ได้อาบได้กินและลดพืชพักได้ทุกวันแต่สภาพพื้นที่ราบลุ่มเชิงเขาใหญ่ยามฝนตกน้ำจะทลักลงมาราวกับว่าเขื่อนพังแรกๆได้มีคนตายกันเกือบจะทุกปีบ้านทั้งบ้านได้หายไปในน้ำในชั่วพริบตาเมื่อรู้ถึงภัยของสายน้ำชาวบ้านก็เลยขยับขึ้นไปปลูกบนที่สูงขึ้นไปอีกแม้จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหลากแต่ก็ต้องออกแรงตักน้ำเอามาใช้เรื่องน้ำเป็นปัญหาทางธรรมชาติ

แต่เนื่องจากบริเวณนี้เป็นป่าดิบดงทึบมาก่อนเมื่อชาวบ้านมาถางจึงต้องมีปัญหากับกรมป่าไม้จนกระทั่งทุกวันนี้ปัญหาก็ยังไม่จบสิ้นวันดีคืนร้ายเจ้าหน้าที่ก็จะมาไล่จับข้อหาบุกรุษป่าสงวนแห่งชาติแม้จะมีคนโดนปรับโดยจับและติดคุกบ้างที่เหลือก็หลบๆซ้อนๆคอยหลบกรมป่าไม้ถึงอย่างไรทุกคนก็ยังอยู่นอกจากไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้ว

ตรงนี้ได้เป็นทำเลเหมาะดินดีน้ำดีการคมนาคมสะดวกมาทางเกวียนผ่านหน้าแร้งนรถจิบเข้ามาได้เมื่อผ่านเหลี่ยนเขาที่วางซ้อนกันอยู่ยังมีเส้นทางเกวียนได้ลัดเลาะเข้าไปอีกไกลจนกระทั่งเส้นทางได้ลบเลือนจนกลายมาเป็นทางป่า

และมีความรกที่ไม่อาจจะเข้าไปได้ในช่วงหน้าฝนเบี้ยงหลังมีเขาสีเสียดกับเขาลูกช้างเป็นป่าทึบผืนใหญ่ที่ยังไม่มีใครที่จะสำรวจมันได้ทั่วพื้นที่สลับซับซ้อนมีโตกผาถ้ำน้อยใหญ่น้ำตกและลำธานอยู่หลายสายทั้งที่ราบและเนินสูงมีไม้ใหญ่น้อยที่มีค่ามากมาย

 

สนับสนุนเรื่องราวเหล่านี้โดย  dewabet