ตำนานลับแลแห่งกรุงเก่า 

     สำหรับเมืองลับแลนั้นไม่ได้มีพูดถึงกันเฉพาะที่เมืองโคราชเท่านั้นแต่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเคยมีเรื่องเล่าถึงชายคนหนึ่งที่มีท่าทางแปลกๆเช่นเดียวกัน โดยใช้คนนั้นมีการแต่งกายที่ไม่เหมือนกับ คนทั่วไปเพราะเขาแต่งกายนุ่งโจงกระเบนไม่สวมเสื้อซึ่งเป็นการแต่งตัวขายกับคนโบราณ และที่เอวมีการผูกผ้าขาวม้าเอาไว้ซึ่งประมาณนี้น่าจะมีการเตรียมเอาไว้เวลาที่ชายคนดังกล่าวซื้อของจะได้เอามาใส่ผ้าขาวม้าผูกเอาไว้

และเงินทองที่เขานำมาซื้อข้าวของเครื่องใช้นั้นเป็นเงินพดด้วงซึ่งเป็นเงินที่มีการใช้งานกันในสมัยโบราณนั่นเอง ร้านค้าที่ชายคนดังกล่าวไปซื้อของนั้นต่างก็พากันไม่เข้าใจว่าชายคนดังกล่าวเอาอะไรมาซื้อเพราะปัจจุบันนี้การซื้อขายสินค้ากันนั้นจะใช้ธนบัตรกันหมดแล้วทุกคนจึงไม่รู้จักเงินสกุลตราพดด้วงกันมากนัก

ไม่มีใครให้เอาสกุลเงินพดด้วงไปซื้อของใช้คนดังกล่าวจึงแก้ปัญหาด้วยการนำต่างหูทองที่เขามีอยู่ไปแลกเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแทน แต่พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายต่างก็เกิดความหวาดระแวงว่าต่างหูที่ชายคนดังกล่าวนั้นนำมาแลกจะเป็นต่างหูทองคำปลอมเสียกระมัง แต่อย่างไรก็ตามในที่สุดก็มีพ่อค้าคนหนึ่งเกิดความรู้สึกสงสารชายคนดังกล่าวจึงได้นำสินค้าที่ตนเองมีอยู่ไปแลกกับต่างหูของชายคนนั้น หลังจากที่มีการเลือกซื้อสินค้ากันเรียบร้อยแล้วชายคนดังกล่าวก็ได้มีการบอกให้พ่อค้านำสินค้าที่มีการสั่งซื้อ

ทั้งหมดไปไว้ที่ท่าน้ำให้เรียบร้อย ซึ่งพ่อค้าก็ยินดีจัดเตรียมสินค้าให้และนำสินค้านั้นไปไว้ตรงบริเวณคลอง มันคือท่าน้ำที่เป็นคลองปัจสุตรงแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่มีการยื่นสินค้าให้กับชายคนนั้นเสร็จเพียงแค่พ่อค้าหันหน้าไปแป๊บเดียว หันกลับมาอีกทีชายคนดังกล่าวก็หายไปเสียแล้ว ซึ่งพ่อค้านั้นตกใจมากแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเนื่องจากว่าข้าวของที่ใช้คนดังกล่าวซื้อนั้น

มีปริมาณมากและที่สำคัญเขามาซื้อของคนเดียวไม่มีใครช่วยขนอย่างแน่นอนและอีกอย่างหนึ่งก็คือบริเวณดังกล่าวนั้นยังไม่มีเรือที่จะมารับของชายคนดังกล่าวไปเลย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ไม่ได้สนใจอะไรเขาจึงนำต่างหูที่ได้มาจากการขายของนั้นไปให้พ่อค้าร้านทองดูให้ เจ้าของร้านทองเมื่อเห็นแล้วก็บอกว่านี่คือต่างหูทองคำโบราณแท้ๆและได้มีการสอบถามพ่อค้าว่าไปเอาต่างหูนี้มาจากไหน

ซึ่งเมื่อพ่อค้าได้อย่างนั้นเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมาภายหลังจึงได้บอกไปว่าต่างหูดังกล่าวนั้นเป็นของบรรพบุรุษเก่าแก่ของปู่ย่าของเขาเอง หลังจากนั้นเขาก็กลับมาเล่าให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดฟังว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง หลังจากนั้นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่างก็เฝ้ารอชายคนดังกล่าวให้กับมือชั้น 2 อีกครั้งหนึ่งเพื่อหวังที่จะได้ทองคำโบราณเหมือนกับพ่อค้าคนแรกนั่นเอง เวลาเนินนานผ่านไปหลายปีผู้คนต่างพากันลืมเรือนชายคนแปลกหน้านั้นไปแล้วแต่อยู่ดีๆก็มีชายแต่งตัว

แปลกประหลาดมาเดินซื้อของที่ตลาดอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้เขามากับหญิงรับใช้ 2 คนซึ่งก็มีลักษณะการแต่งกายคล้ายกับคนโบราณเหมือนเดิม ภาษาที่พวกเขาใช้พูดคุยกันนั้นพวกเขาใช้ภาษาที่เป็นคำศัพท์โบราณ และยังคงมีพ่อค้าแม่ค้าที่ยังเคยจดจำหน้าชายคนนี้ได้ต่างก็พากันแปลกใจมากกว่า เวลาผ่านไปมาตั้งหลายปีแล้วทำไมชายคนดังกล่าวถึงไม่แก่ขึ้นเลย

แต่ก็ไม่มีใครสนใจอะไรเพราะหวังจะให้ชายคนนั้นซื้อสินค้าของตนเองซึ่งใช้คนดังกล่าวก็ซื้อสินค้าไว้เยอะแยะมากมายและให้แม่ค้าพ่อค้านำสินค้าไปไว้ที่จุดเดิม ในครั้งนี้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็พากันมาแอบดูเพราะอยากจะเห็นว่าชายคนดังกล่าวนั้นกลับบ้านทางไหน และสิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าเห็นก็คือชายคนนั้นและคนติดตามอีก 2 คนต่างก็พากันหิ้วข้าวของที่ซื้อมาแล้วพากันเดินลงแม่น้ำหายไปต่อหน้าต่อตานั้นเอง

 

สนับสนุนโดย  sagame คาสิโนออนไลน์