สงครามกลางเมืองระหว่างเจียไคเชก กับ คอมมิวนิสต์

ในปีเดียวกันนั่นเองหลังจากที่ขับไล่คอมมิวนิสต์ออกจากพรรคได้หมดแล้วเจียง ไคเชก ก็แซงหน้าขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคก๊ก มิน ตั๋ง และตั้งรัฐบาลใหม่ที่เมืองหนานจิง ส่วนพวกคอมมิวนิสต์ก็แตกกระสานซ่านไปตามหัวเมืองต่างๆหรือไม่ก็ลี้ภัยไปต่างประเทศ

สงครามกลางเมืองระหว่างเจียไคเชก  ในห้วงเวลานั้นเองที่ เหมา เจ๋อ ตง ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ระดับหางแถวพื้นเพเป็นลูกชาวนาไม่ได้จบเมืองนอกหรือเป็นปัญญาชนเหมือนคนอื่นก็เริ่มเสนอไอเดียว่าคอมมิวนิสต์จีนจะทำตามแบบโซเวียตทั้งหมดไม่ได้จีนที่เป็นประเทศเกษตรกรรมก็ควรจะให้ชาวนามาขับเคลื่อนการปฏิวัติ

ถ้าเอาแต่รอให้ประเทศเป็นอุตสาหกรรมก็เสียเวลาและจะถูกเจียงไคเชกปราบจนหมดสิ้น หลังปี 1927 เหมา ก็เลยเริ่มออกไปรวบรวมชาวนาตามชนบทรอบๆเมืองใหญ่ตั้งเป็นคอมมูนขึ้นมาแบบคอมมิวนิสต์ในขณะที่ถูกเจียงไคเชกตามมาปราบปรามอยู่เรื่อยๆ

สงครามกลางเมืองครั้งนี้ดูเหมือนฝ่ายเจียงไคเชกได้เปรียบและเอาชนะคอมมิวนิสต์ที่ยังตั้งตัวไม่ได้แล้วแน่ๆแต่แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงในตอนนี้เองตัวละครใหม่ก็เข้ามาเปลี่ยนเกมนั่นก็คือญี่ปุ่น ญี่ปุ่นกำลังขยายอิทธิพลไปทั่วเอเชีย ยึดเกาหลี ยึดไต้หวัน และก็เริ่มเข้ามาลงทุนสร้างทางรถไฟในแมนจูเรีย

โดยญี่ปุ่นมีกกรรมสิทธิ์ในที่ดินสองข้างทางด้วยคุ้นกันหรือไม่เหมือนการล่าอาณานิคมยุคนี้เลยโดยในช่วงที่จีนเป็นรัฐขุนศึกญี่ปุ่นก็ดีลกับขุนศึกในแมนจูเรียโดยเฉพาะกับขุนศึกที่มีชื่อว่า จาง จั้วหลิน ต่อมาในปี 1928 ขุนศึกแมนจูเรียคนนี้ก็เริ่มต้านอิทธิลของเจียงไคเชกไม่ไหวและเข้าสวามิภักดิ์กับก๊กมินตั๋งในที่สุด

ในเดือนมิถุนายนปี1928 จางจั้วหลินก็ถูกลอบสังหารมีการระเบิดทางรถไฟที่เขากำลังเดินทางผ่านซึ่งเหตุการณ์นี้หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกและถูกจับขึ้นศาลอาชญากรรมสงครามก็ได้รับการยืนบันว่าเป็นความตั้งใจของญี่ปุ่นจริงๆเพื่อรักษาอิทธิพลในแมนจูเรียต่อไป

หลังจากขุนศึกใหญ่เสียชีวิตลงลูกชายก้ได้ขึ้นมาสืบทอดอำนาจต่อจากพ่อขุนศึกคนนี้ชื่อว่า จางเสว่เหลียง มีฉายาว่าจอมมพลน้อย    มั่งมีหวย    เพราะอายุแค่ 27 ปี แถมด้วยคาแรคเตอร์ที่ดูรักสบายไม่เข้มแข็งเหมือนพ่อทำให้ญี่ปุ่นเห็นว่าสามารถบงการใช้เป็นหุ่นเชิดได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่ญี่ปุ่นก็คิดผิดเพราะจอมพลน้อย จาง เสว่เหลียง ก็ไม่ได้ยอมเป็นหุ่นเชิดให้กับญี่ปุ่นตามแผนที่วางเอาไว้กลับทำตัวใกล้ชิดกับรัฐบาล ก๊ก มิน ตั๋ง มากกว่าพ่อตัวเองเสียอีกเวลาผ่านไป3ปีเมื่ออะไรๆไม่เป็นนไปดั่งใจญี่ปุ่นรางรถไฟก็เลยระเบิดอีกรอบในเดือนกันยายนปี 1931 

เราเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเหตุการณ์ที่มุกเดนพอมีการระเบิดทางรถไฟที่เป็นทรัพย์สมบัติของญี่ปุ่นในแมนจูเรียนทางญี่ปุ่นก็เลยกล่าวโทษจอมพลน้อยจางเสว่เหลียงว่าอยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายและยกกองทัพมาบุกแมนจูเรีย