ตำนานรักแม่นาคพระโขนง 

       เมื่อพูดถึงแม่นาคพระโขนงเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือแม้แต่ผู้ใหญ่เพราะแม่นาคพระโขนงนั้นคือบุคคลในตำนาน

ตำนานรักแม่นาคพระโขนง  ซึ่งเป็นตำนานเกี่ยวกับเรื่องราวความรักความผูกพันของชายหญิงคู่หนึ่งเบอร์เกอร์กันว่าเรื่องเล่าของแม่นาคพระโขนงนั้นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอดีตมาก่อนและในปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีหลักฐานให้เห็นว่าเรื่องของแม่นาคพระโขนงนั้นมีอยู่จริงซึ่งจะมีรูปปั้นของแม่นาคตั้งอยู่ในศาลอยู่ในวัดมหาบุศย์ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ

            วัดแห่งนี้นั้น มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากการมีศาลของแม่นาคอยู่เนื่องจากว่าผู้คนนั้นต่างก็พากันไปกราบไหว้บนบานศาลกล่าวขอให้สมหวังดังสิ่งที่ขอโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากถึงช่วงที่มีการเกณฑ์ทหารวัดมหาบุศย์ไปด้วยผู้คนเพราะปกครองต่างก็พาบุตรหลานของตนเองนั้นมาบนเพื่อไม่ต้องการที่จะเป็นทหารซึ่งตามความเชื่อของคนในสมัยโบราณเชื่อว่าถ้าหากขอเรื่องของการเกณฑ์ทหารไม่อยากไปเป็นทหารสามารถมาขอที่ศาลของแม่นาคพระโขนงได้แล้วจะสมหวังเนื่องจากว่าแม่นากนั้นเกลียดทหารเป็นอย่างมากนั่นเอง

           อย่างไรก็ตามตามความเชื่อในสมัยโบราณนั้นว่ากันว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสวยประจำพระโขนงได้แต่งงานอยู่กินกับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งชื่อว่านาคหลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกันได้ไม่นานฝ่ายชายก็ต้องไปเป็นทหาร ส่วนฝ่ายหญิงที่อยู่ที่บ้านนั้นก็ตั้งครรภ์  และนับตั้งแต่ฝ่ายชายที่ชื่อนากไปเป็นทหาร 

หน้าก็เฝ้ารอมาโดยตลอดแต่ว่ามากก็ยังไม่กลับมาจนถึงวันที่นาคต้องคลอดลูกแล้วปวดท้องปรากฏว่าเด็กไม่ยอมกลับหัวหมอตำแยไม่สามารถทำคลอดให้ได้ท้ายที่สุดแล้วก็เสียชีวิตจากการตกเลือดและกลายเป็นผีตายท้องกลมเนื่องจากว่าในสมัยโบราณนั้นไม่มีวิธีการผ่าคลอดต้องคลอดเองตามธรรมชาติ 

             อย่างไรก็ตามหลังจากที่หน้าตายแล้ววิญญาณยังคงไม่ไปไหนยังคงเฝ้ารอเพื่อให้สามีกลับมาแล้วเมื่อสงครามจบมากก็กลับมาที่บ้านอยู่กับลูกกับเมียซึ่งไม่รู้เลยว่าเมียของตนเองน้ำใจเสียชีวิตไปแล้วอย่างไรก็ตามชาวบ้านช่วยกันเตือนมากว่าหน้าที่เห็นอยู่นั้นเป็นผีแต่มากก็ไม่เชื่อจนอยู่มาวันหนึ่ง

ในขณะที่หน้ากำลังตำน้ำพริกอยู่ในครัวปรากฏว่ามะนาวร่วงลงพื้นเมื่อนาคมองไปไม่เห็นใครจึงได้ร่วมมือลงไปหยิบซึ่งในขณะนั้นมากอยู่ใต้ถุนบ้านพอดีจึงเห็นว่านาคมือยาวจึงเชื่อที่ชาวบ้านบอกว่าหน้าเป็นผีหลังจากนั้นมากก็เกิดความหวาดกลัวจึงได้หนี 

             ท้ายที่สุดแล้วชาวบ้านต่างก็ทนความหวาดกลัวไม่ไหวจึงได้ไปจ้างหมอผีให้มาทำการปราบผีของนาคแต่ก็ไม่มีใครปราบได้จนสมเด็จพุฒาจารย์โตผ่านมาแล้วรับรู้เรื่องราวจึงได้มีการกราบนาคเพื่อต้องการให้วิญญาณของหน้าไปสู่สุคติและได้มีการสะกดวิญญาณโดยการเคาะเอาหัวกระโหลกตรงบริเวณด้านหน้าหรือที่เรียกว่าหัวปั่นเหน่งมาเก็บเอาไว้หลังจากนั้นเรื่องราวของแม่นาคพระโขนงก็โด่งดังไปทั่วมาจนถึงปัจจุบันนั้นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    huaydee

การประยุกต์การใช้สีของศิลปะคริสเตียน 

ยุคคริสเตียนเป็นยุคที่ศิลปะกำลังเฟื่องฟูโดยเฉพาะการสร้างสรรค์ของงานโมเสกหรือการแก้กระจก หินสีต่างๆถูกนำมาเรียงให้เป็นงานต่างๆเพื่อแสดงให้เห็นว่าอารยธรรมหรือมีความศรัทธาในพระเจ้าส่วนใหญ่งานศิลปะในประเภทนั้นๆก็จะถูกแสดงให้เห็นว่า ชาวคริสเตียนหรือพวกนอกศาสนาที่ไม่รู้หนังสือก็สามารถสร้างสรรค์งานที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาหรือมีอารยธรรมของงานศิลปะนี้ได้

งานสักการะนี้มักจะเป็นเส้นรอบที่มีความชัดเจนด้านข้างมากซึ่งการใช้สีที่โดดเด่นซึ่งแสดงให้เห็นว่าบุคคลสำคัญในคัมภีร์ไบเบิล สามารถแสดงเธอถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะจนข้างเดียวได้งานเรือนแก้วกระจกหรือว่างานเรียงหินแก้วนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบันหากเราลองไปโบสถ์ทางด้านศาสนาคริสต์ต่างๆ ก็จะเห็นงานศิลปหัตถกรรมตอนนี้ได้หลายๆที่ในการแสดงให้เห็นว่าความศรัทธาของผู้คนมีมากขนาดไหนที่ถ่ายทอดมาเป็นงานศิลปะ 

เวลากลางคืนถูกแสงจากตะเกียงไฟหรือแสงจากไฟต่างๆ และแสดงให้เห็นถึงภาพที่มีความชัดเจนข้างเยอะไม่มีความเหมือนจริงหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการใช้สีที่ตัดกันอย่างชัดเจนจนมากจนเกินไป ซึ่งการใช้งานต่างๆนี้ถูกสร้างสรรค์อยู่ในหมวดต่างๆเพื่อแสดงให้เห็นถึงลักษณะของศาสนา

ศิลปะต่างๆเป็นศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาของผู้คนต่างๆที่แสดงความศรัทธาต่อพระเจ้า ซึ่งศิลปะสักการะนี้เขามีการพัฒนาตลอดเวลาให้มีความสร้างสรรค์หรือแม้แต่จะเป็นการสร้างบรรยากาศต่างๆโดยเฉพาะในส่วนของบทและแสดงสินค้าต่างๆ งานโมเสกตอนนี้ได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นงานจิตรกรรมขนาดชิ้นเล็กๆบนแผ่นไม้หรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการถ่ายทอดผู้บริจาคเงินให้กับโบสถ์นานๆก็จะมีการพัฒนาให้มีความเหมือนทุกคนนะเต่านี้ อย่างไรก็ตามศิลปะในการใช้สีต่างๆของคริสเตียนก็มีปัญหาตลอดเวลาส่วนใหญ่ครับหากเป็นงานโมเสกเป็นงานใช้แก้ว

สีสันก็จะมีความเข้มหรือมีความชัดเจนเรื่องตังค์เยอะมีเส้นตัดที่ไหนอย่างชัดเจนซึ่งในยุคปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างไรก็ตามการใช้งานโหมดต่างๆเหล่านี้ก็มีการใช้อยู่ตลอดเวลาเพราะผู้กำกับให้ความเลื่อมใสและความศรัทธาโดยเฉพาะในส่วนของศาสนาต่างๆซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างยิ่ง ทำงานศิลปะต่างๆเหล่านี้

ของผู้คนให้ความสนใจในการแสดงความเคารพหรือว่าแสดงให้เห็นว่าความศรัทธาของผู้คนนี้มีค่อนข้างมากก็เท่านี้เองจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง งานศิลปะที่เข้ามาสู่จิตใจของผู้คนโดยเฉพาะผู้คนที่อยู่ในศาสนาต่างๆที่แสดงให้เห็นว่างานศิลปะไม่มีข้อจำกัดในการพัฒนาไม่เพียงแต่การเขียนภาพจากเรื่องวันนั้นเรายังสามารถพัฒนารูปต่างๆ

ซึ่งสามารถแสดงถึงอารมณ์ทัศนียภาพหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการใช้สีต่างๆซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้คนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในยุคต่างๆเหล่านี้ งานที่ถูกใช้ในส่วนของสถานที่ต่างๆรวมทั้งยังเป็นการพัฒนารูปแบบงานต่างๆที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอย่างไรก็ตามโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันการใช้งานในขณะนี้ก็ยังมีการใช้งานอยู่จนถึงในยุคปัจจุบันที่ผู้คนมีการใช้ศิลปะในการกล่อมเกลาจิตใจมนุษย์หรือว่าการใช้สีต่างๆซึ่งแสดงให้เห็นถึงความ ฉูดฉาด 

 

 

สนับสนุนโดย  huaydee