ภาพวาดช่วงการปฏิวัติ วัฒนธรรมประเทศจีน

สำหรับเศรษฐกิจในประเทศจีนหลังจากที่นายเหมาเจ๋อตงได้เกษียณอายุไปแล้วและได้แต่งตั้งนายพลหลินเปียวเป็นแทนต่อจากนายเหมาเจ๋อตงเศรษฐกิจก็ได้เริ่มฟื่นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนางเจียงชิงหลังจากที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในการประชุมพรรคก็ได้เข้ามาควบคุมงานทางด้านวัฒนธรรมของประเทศผลงานชิ้นโบว์แดงก็คือการเข้าไปในโรงเรียนต่างๆแล้วได้สร้างวิชาศึกษาวัฒนธรรมเหมาในหมู่บ้านเยาวชนและได้ก่อตั้งในสิ่งที่เรียกว่า 

เยาวชนพิทักษ์แดง หรือว่า เรดการ์ด ขึ้นในทุกโรงเรียน นายพลหลินเปียวหลังจากที่เผิงเต๋อฮว๋ายถูกเคี้ยะกระเด็นออกไปแล้วก็ขึ้นมาใหญ่โตแทนหลินเปียวก็เป็นผู้มีส่วนสำคัญมากในการสร้างลัทธิบูชาตัวบุคคลของเหมาขึ้นมา

โดยการสั่งพิมพ์สรรนิพนธ์เหมาแจกหนังสือเล่มนี้ที่มีชื่อเล่นว่าThe Little Red Book ซึ่งทุกคนจะต้องมีและถ้าคุณได้ไปดูภาพถ่ายหรือภาพวาดช่วงการปฎิวัติวัฒนธรรม

นอกจากหมวกที่lconicมากๆคนในรูปทุกคนจะต้องมีหนังสือเล่มแดงเล่มนี้อยู่ในมือด้วยซึ่งได้มีอยู่ช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกเลยที่The Little Red Book เป็นหนังสือที่ถูกตีพิมพ์มากที่สุดในโลกแซงคัมภีร์ไบเบิล 

ซึ่งยืนหนึ่งตลอดกาลหนังสือยอดพิมพ์สูงสุดอยู่หลายปีเลยนี่เรายังไปไม่ถึงแก๊ง4คนเลย

หลังจากที่ได้เกษียณตัวเองมาได้ระยะหนึ่งเหมาเจ๋อตงก็คิดว่าจะCome Backสักทีทั้งนี้รายงานว่าเหมาพูดว่ารู้สึกว่าตัวเองเหมือนบางสิ่งบางอย่างที่คนเคารพแต่ว่าไม่มีใครฟังเหมือนคนแก่ที่ถูกทุกคนกราบไหว้แต่ว่าไม่มีใครได้ให้ความสำคัญจริงๆเราจะต้องไม่ลืมว่ากระบวนการสร้างเยาวชนพิทักษ์แดงและงานด้านวัฒนธรรมในการสร้างลัทธิบูชาตัวบุคคลของเหมาเจ๋อตงได้ดำเนินมาช่วงหนึ่งแล้วตั้งแต่หลังปี1959ดดยเจียงชิงและหลินเปียว พอเหมาเจ๋อตงได้ตัดสินใจที่จะกลับเข้ามาทวงคืออำนาจในปี1966ก็ดูเหมือนว่า ทุกอย่างจะพร้อมพอดี

ในปี1965เหยาเหวินหยวนนักวิจารณ์ละครได้เขียนบทความวิจารณ์ละครเวทีเรื่องไห่ญุ่ถูกขับออกมาจากราชย์สำนักซึ่งได้เขียนโดยข้าราชการระดับสูงสุดผู้หนึ่งเหยาเหวินหยวนได้บอกว่าละครเรื่องนี้มันหลอกด่าประธานเหมาเจ๋อตงชัดๆเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้าราชการผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีได้ถูกฮ่องเต้ขับไล่ออกจากราชสำนักเพราะบังอาจพูดความจริงกับฮ่องเต้

ซึ่งเหยาเหวินหยวนได้บอกว่านี่คือการหลอกด่าประธานเหมาเจ๋อตงในเรื่องของนายหล เผิงเต๋อหวายอาจารย์มหาวิทยาลัยสาขาปรัชญาชื่อเนี่ย หยวนจื่อ ออกมาด่ามหาวิทยาลัยว่ารับใช้ทุนนิยมได้เป็นปักษ์ต่ออุดมการณ์คอมมิวนิสต์นักศึกษามหาวิทยาลัยก็ได้ออกมารับลูกด้วยการทำหนังสือพิมพ์กำแพงที่มหาวิทยาลัยวิจารณ์ความเป็นทุนนิยมและความเป็นอีลีตของอาจารย์และผู้บริหารมหาวิทยาลัย

 

สนับสนุนโดย  bk8

ตำนาน สะพาน นวลฉวี

ตำนานของนวลฉวีรุ่งเพชรนั้นเป็นตำนานที่เกิดขึ้นจริงซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีพศ 2502 เรื่องราวความรักที่นำไปสู่การฆาตกรรมเรื่องนั้นมีอยู่ว่าหญิงสาวที่ชื่อว่านวลฉวีนั้นเป็นหญิงสาวที่มีฐานะร่ำรวยแต่เธอไม่ใช่คนสวยอะไรเธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยพยาบาลที่ศิริราชและเมื่อเธอเรียนจบเธอก็ไปทำงานอยู่ที่สถานพยาบาลยาสูบซึ่งมีพื้นที่อยู่ทางภาคเหนือแล้วเมื่อนางสาวนวลฉวีได้ไปทำงานที่นั่นเธอก็ได้พบรักกับคุณหมอท่านหนึ่งที่ชื่อว่าคุณหมอทิพย์ทั้งคู่รักใคร่กลมเกลียวกันดี

และได้เป็นสามีภรรยากันในนามพฤตินัยแต่ไม่ได้แต่งงานกันแล้วไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่นั้นเป็นแฟนกันหลังจากที่ทั้งคู่คบกันผ่านไปได้ไม่นานก็มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำซึ่งสาเหตุของการทะเลาะกันมันก็มาจากความหึงหวงที่นางสาวนวลฉวีมีต่อคุณหมออาธิปเนื่องจากคุณหมออาทิตย์เป็นคุณหมอรูปหล่อ จึงมักมีผู้หญิงมายุ่งเกี่ยวด้วยตลอดทำให้นางสาวนวลฉวีเกิดความไม่พอใจและหวงจึงได้มาแสดงตนที่โรงพยาบาลที่หมออาธิป ทำงานอยู่

โดยนางสาวนวลฉวีนั้นจะมานั่งเฝ้าหมออาธิปทุกวันซึ่งสร้างความรำคาญให้กับหมออาธิปหลังจากนั้นหมออาธิปจึงได้ตัดปัญหาด้วยการจดทะเบียนสมรสกับนางสาวนวลฉวีโดยมีการจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 11 เดือนมีนาคมปีพ.ศ 2502 แต่หลังจากนั้นไม่นานประมาณวันที่ 11 เดือนมีนาคมปีพ.ศ 2502  

ทางด้านหมออาธิป ก็ได้มีการไปจดทะเบียนสมรสซ้อนกับนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่านางสาวสมบูรณ์ซึ่งตอนที่นางสาวสมบูรณ์จดทะเบียนกับหมออาธิป นั้น นางสาวสมบูรณ์ก็รู้ดีว่าหมออาธิปกับนางสาวนวลฉวีนั้นจดทะเบียนสมรสกันไปเรียบร้อยแล้วและเธอเป็นการจดทะเบียนซ้อนไปเธอก็ยอมจดและหลังจากนั้นมาทั้งทางนางนวลฉวีและนางสาวสมบูรณ์ต่างก็พากันมานั่งเฝ้าหมออาธิป 

ที่โรงพยาบาลและมักจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำเดินทางโรงพยาบาลต้องห้ามทั้งสองคนเข้ามาในเขตพื้นที่ของโรงพยาบาลอย่างไรก็ตามตั้งแต่หมออาธิปได้มีการจดทะเบียนกับนางสาวสมบูรณ์เขาก็ไม่สนใจนางสาวนวลฉวีอีกเลยแล้วทั้งคู่มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่อยมานางสาวนวลฉวีนั้นได้ไปเชิญตัวพ่อแม่ของหมออาธิป มาที่บ้านให้มาเจอกับพ่อแม่ของเธอเพื่อหวังจะให้ทั้ง 2 ครอบครัวงานแต่งงานให้แต่หมออาธิปก็ปฏิเสธและไม่ต้องการแต่งงานกับนางสาวนวลฉวี

ซึ่งหลังจากนั้นนางสาวนวลฉวีก็ยังคงตามหึงหวงหมออาธิปเรื่อยมาจนในที่สุดก็มีคนพบศพนางสาวนวลฉวีถูกฆ่าตายและนำศพมาโยนทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วเมื่อมีการสืบสวนก็ทำให้พบว่าคนที่ฆ่านางสาวนวลฉวีนั้นก็คือหมออาธิป นั่นเองตั้งแต่นั้นมาสะพานที่มีการพบศพของนางสาวนวลฉวีจึงถูกเรียกกันว่าสะพานนวลฉวีนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  bk8

แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสัน

เสื้อผ้าเป็นสิ่งที่สามารถแสดงอารมณ์และความรู้สึกของเราในขณะที่เราสวมใส่ได้ เพราะโดยส่วนใหญ่ภายใต้จิตใจมนุษย์นั้นมักจะมีการแสดงออกมา ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางด้านอารมณ์ พฤติกรรม ก็มักจะแสดงออกด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าด้วยนั่นเอง ในบางครั้งถ้าหากไม่ได้มีการสังเกตุตัวเองมากนักก็อาจจะไม่ทำให้ทราบได้ แต่ถ้าหากมีการสังเกตในเรื่องพฤติกรรมการซื้อเสื้อผ้าหรือเลือกเสื้อผ้าที่ใส่นั้น เสื้อผ้าจะเป็นสิ่งที่สามารถบอกอารมณ์ความรู้สึกของเราได้นั่นเอง

คนเรานั้นก็จะมีความชอบในการเลือกสีเสื้อผ้าที่แตกต่างกันออกไป บางคนชอบสีขาวดำ เพราะคิดว่าเสื้อผ้าสีประเภทนี้นั้นเป็นสีที่สามารถใส่ได้บ่อยกว่าสื้อผ้าสีอื่นๆนั่นเอง ซึ่งสีขาวสีดำนั้นก็แสดงถึงความเรียบง่ายของผู้สวมใส่ แต่รู้หรือไม่ การเลือกแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันนั้นเป็นสิ่งที่สามารถช่วยในเรื่องอารมณ์และความรู้สึกที่ดี ทั้งนี้ยังช่วยให้เรานั้นได้ออกจากกฎเกณฑ์เดิมๆ ที่ตะต้องใส่แต่เสื้อผ้าโทนขาวดำเท่านั้นเพราะคิดว่าเป็นโทนที่ไม่น่าเบื่อสามารถใส่ได้บ่อย ซึ่งความเป็นจริงแล้วนั้นเสื้อผ้าที่มีสีสันต่างหากที่สามารถเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับชีวิตเราได้ด้วยนั่นเอง

เสื้อผ้าโทนที่มีสีสัน ซึ่งมีหายสีมากมายซึ่งการจะแต่งเสื้อผ้าที่มีสีสันนั้นอาจจะต้องรู้ก่อนว่า วันไหนเราควรแต่งตัวสีสันแบบไหน พูดง่ายๆก็คือต้องแต่งตัวสีสันอย่างมีมารยาทหรือตามความเหมาะสมนั่นเอง อย่างเช่นไปงานแต่งจะมาใส่สีแดงแป๊ดและเกิดความโดดเด่นกว่าเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวก็ไม่เหมาะสม ถ้าอยากใส่เสื้อผ้าสีสันที่มีสีแดงควรจะเป็นเสื้อผ้าที่มีสีแดงแซมนั่นเอง ไม่ใช้แดงแป๊ดทั้งชุด เป็นต้น

สีสันที่ได้รับความนิยมในทุกยุคทุกสมัยก็คือสีแดง ซึ่งสีแดงนั้นก็มีมายหลากหลายโทนซึ่งก้สามารถเลือกโทนได้ตามใจชอบเพราะไม่ว่าจะเป็นสีแดงไหนก็ถือว่าเป็นโทนสีที่มีสีสันในตัวอยู่แล้วนั่นเอง แต่โทนเงที่ควรเลี่ยงก็คือสีแดงก่ำ เพราะอาจจะทำให้เสื้อผ้านั้นดูทึบเกินไปและไม่สดใส

สีเขียว สีเขียวเป็นสีที่ช่วยในการขับผิวมาก แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใส่กัน เพราะคิดว่าสีเขียวนั้นเป็นสีที่สามารถหาเครื่องประดับหรือเครื่องแต่งกายชิ้นอื่นๆให้เข้ากันได้ยากนั่นเอง สีขัยวที่แนะนำคือสีเขียวสด เพราะจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับการแต่งตัวและช่วยเพิ่มความสนุกในการแต่งตัวที่จะต้องเลือกเครื่องแต่งกายชิ้นอื่นเพื่อให้เข้ากันด้วยนั่นเอง

สีเหลือง เป็นสีที่ได้รับความนิยมตลอดกาลตั้งแต่แฟชั่นยุคเก่าๆก็มักจะนำสีเหลืองมาร่วมในการทำเสื้อผ้าหรือร่วมกับการแต่งกายเสมอ เพราะสีเหลืองเป็นสีที่ห้ความสดใสและดูน่ารักด้วยนั่นเอง การใส่เสื้อผ้าที่มีสีสดใสยังถือเป็นการสร้างสีสันให้ตัวเองในทุกยุคสมัยด้วย

 

สนับสนุนโดย  bk8

ฉลามยักษ์ดำดำบรรพ์เมกาโลดอนมันยังไม่สูญพันธุ์ไปจริงหรือเปล่า?

สำหรับเรื่องนี้จากที่เราได้ไปหามามันก็มีทั้งมุมคนที่เขาได้บอกว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้วมันไม่มีตัวตนจริงๆบนโลกนี้หลอกมันเป็นเพียงข่าวปรัมปราและกับอีกมุมหนึ่งมันก็ยังได้มีคนเชื่อกันว่า เมกาโลดอน

หรือ ฉลามยักษ์ล้านปีมันน่าจะยังมีชีวิตอยู่เพราะด้วยมันอาจจะมีหลักฐานหลายอย่างที่แบบว่ามีการพบเจอมีการถ่ายคลิปเอาไว้ได้หรือมีเรื่องเล่าต่อๆกันมันก็ยังได้มีมาอยู่เรื่อยๆสำหรับเรื่องนี้หากเราลลองเจาะให้มันลึกลงไปมันก็อาจจะเป็นไปได้วว่าเมกาโลดอนมันอาจจะยังมีตัวตนอยู่จริงๆบนโลกใบนี้

 ว่ากันว่าในยุคปัจจุบันที่เรานั้นได้อาศัยอยู่กันในปัจจุนี้มันยังมีสิ่งมีชีวิตที่เขายืนยันแล้วว่าสูญพันธุ์ไปแล้วได้อาศัยอยู่และสิ่งที่มีชีวิตเหล่านั้นถูกยืนยันได้จากการพบเจอจากการบอกเล่าบอกต่อมีการถ่ายรูปภาพและคลิปวีดีโอยืนยันเอาไว้แต่การค้นพบเหล่านั้นมันก็ได้มีการถกเถียงกันอยู่ตลอดเวลาว่ามันเป็นของจริงหรือว่ามันเป็นของปลอมหรือว่ามันเป็นของที่มันได้ถูกแต่งขึ้นมา

และได้มีการตรวจสอบกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสัตว์เหล่านี้มันจะมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์ที่ถูกค้นพบและวิจัยกันมาตั้งแต่อดีตจนมาถึงในปัจจุบันและหนึ่งในสายพันธุ์นั้นที่เราได้มีการพูดถึงกันมากที่สุดก็คือเจ้าปลาฉลามยักษ์ในยุคดึกดําบรรพ์หรือMegalodonนั่นเอง ซึ่งMegalodonที่เราได้พูดถึงกันตรงนี้มันได้เป็นสิ่งที่มีชีวิตขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่ามันได้สูญพันธุ์ไปแล้วประมาณ23-2.6ล้านปีก่อนหรือก่อนยุคไมโอซีนตอนนั้นเลยโดยลักษณะของMegalodonที่เราจะพูดถึงตรงนี้

นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เขาได้มีการสันนิษฐานกันว่าMegalodonมันน่าจะมีรูปร่างน่าตาคล้ายกันกับเจ้าปลาฉลามขาวในยุคปัจจุบันของเราแต่ขนาดลำตัวของMegalodonนั้นมันจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าพวกปลาฉลามประมาณหลายสิบเท่าตัวว่ากันว่ามันน่าจะมีขนาดใหญ่มากที่สุดประมาณ60ฟุตหรือ 20-22เมตรกันเลยทีเดียว

ซึ่งตรงจุดนี้เราต้องขอบอกก่อนเลยว่ามันเป็นเพียงการคาดเดาเอาเท่านั้นเพราะจากข้อมูลที่เรานั้นได้ไปหามาได้นั้นเขายังได้บอกอีกว่าหลักฐานในการค้นพบMegalodonหรือเจ้าปลาฉลามยักษ์ในยุคดึกดำบรรพ์มันมีค่อนข้างที่จะน้อยมากเพราะมันได้มีหลักฐนเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นและส่วนใหญ่หลักฐานเหล่านั้นมันจะไม่มีความสมบูรณ์สักหลักฐานเลย

 

สนับสนุนโดย  bk8

การกู้เงินของซัดดัม ฮุสเซนเพื่อมาทำสงครามกับประเทศอิหร่าน

ในการรบของประเทศอิรักและประเทศอิหร่านได้มีความยาวนานมาถึง8ปีจึทำให้ด้าน ซัดดัม ฮุสเซนก็ได้เริ่มมองหาหนทางในการเผด็จศึกโดยการใช้อาวุธชีวภาพที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเยรมันทางด้านตะวันตกเพราะในตอนนั้นทางประเทศเยรมันนั้นยังไม่ได้รวมเป็นประเทศเยรมันเดียวมีทั้งเยรมันตะวันออกและเยรมันทางตะวันตก

ส่งผลให้กองทัพอิหร่านประสบความสูญเสียจากอาวุธชีวภาพเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเมื่ออิหร่านได้ใช้คนจำนวนมากในยุทธวิธีคลื่นมนุษย์เมื่อได้เจออาวุธชีวภาพเข้าไปก้ได้ส่งผลในความสูญเสียอย่างหนักและในขณะเดียวกันทางด้านสหรัฐอเมริกา

ซึ่งในขณะนั้นก็ได้เป็นไม้เบื่อไม้เมาของประเทศอิหร่านอันเนื่องมาจากการบุกยึดสถานทูตสหรัฐอเมริกาของนักศึกษาอิหร่านในกรุงเตหะรานเมืองหลวงของประเทศอิหร่านก็ได้ให้การสนับสนุนประเทศอิรักในด้านต่างๆรวมทั้งภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นถึงการคลื่นกำลังของประเทศอิหร่านส่วนฝรั่งเศษนั้นก็ได้ขายอาวุธมากกว่า2,500ล้านเหรียญสหารัฐให้กับอิรัก

แต่ก็จะดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอในการที่จะทำสงครามทางด้านซัดดัม ฮุสเซนก็ต้องไปกู้เงินจากกลุ่มประเทศอาหรับต่างๆเอามาเพื่อจะใช้ในการทำสงครามและหนึ่งในประเทศที่ยอมให้กู้เงินนั้นก็คือประเทศคูเวต ซึ่งได้ให้กู้เงินกว่า3ล้านเหรียญสหรัฐและประเทศคูเวตนั้นก็จะต้องเป็นเหยื่อของซัดดัม ฮุสเซนในอานาคต และในระหว่างนี้เองชาวเคิร์ด

ซึ่งได้เป็นชนชาวกลุ่มน้อยที่ได้อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิรักก็ได้ลุกขึ้นมาเพื่อการสนับสนุนของอิหร่านเพื่อหวังจะเปิดแนวรบด้านที่สองของประเทศอิรักจึงได้ทำให้ซัดดัม ฮุสเซนตัดสินใจตอบโต้ชาวเคิร์ดด้วยการโจมตีโดยก๊าซมัสตาร์ดและก๊าซประสาทส่งผลให้มีประชาผู้ที่บริสุทธิ์ในเมืองฮารัปปากว่า5,000คนได้เสียชีวิตลง

และยังได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ10,000คนซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยแพร่ของสภาพซากศพของผู้คนในเมืองเป็นเป็นจำนวนมากและในจำนวนนี้ได้มีทั้งเด็กและสตรีและคนสรารวมอยู่ด้วยในวันที่20สิงหาคม คริสตศักราช1988 ด้านองค์การสหประชาชาติก็สามารถได้เจรจาให้ประเทศอิรักและประเทศอิหร่านยุติการสู่รบลงได้ท่ามกลาความอ่อนล้าของทั้งสองประเทศ

ผลจากสงครามทำให้อิรักและอิหร่านต่างก็เป็นผู้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับกันไปในทั้งคู่แต่ผู้นำของทั้งสองประเทศกับได้ผลรับที่แตกต่างกัน ซัดดัม ฮุสเซน ทำให้อิรักกลายเป็นหนีสินในประเทศอาหรับเป็นจำนวนมาก

เพื่อนำเอามาซื้ออาวุธยุทโธปรณ์ในการทำสงครามเขาได้กู้เงินนับล้านเหรียญ์สหรัฐจนกระทั่งมองไม่เห็นหนทางใดๆอิรักจะชำระหนี้สินนี้ได้อย่างไรในชั่วเวลา1อายุคนนอกจากนี้อิรักก็ยังต้องการจำนวนเงินอย่างมหาสารมาใช้ฟื้นฟูประเทศที่เกิดจากภัยสงคราม

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

การเจรจาให้สงบศึกขอผู้ที่โกงเงินในประเทศ

Jean Claude Duvalier

 สำหรับจำนวนเงินที่เขาได้โกงคือ800ร้อยล้านดอนลาร์Jean Claude Duvalierได้รับการสืบทอดในตำแหน่งประธานาธิบดีมาจากพ่อของเขาJean Claude Duvalierซึ่งในตอนนั้นเขานั้นได้มีอายุแค่เพียง19ปีถึงได้ว่ามีประธานาธิบดีอายุน้อยมากที่สุดสำหรับในยุคนั้นเขาได้ดำเนินนโยบายและได้เข้าหาประเทศสหรัฐอเมริกามากขึ้น

ซึ่งมันก็ได้ต่างงไปจากในสมัยพ่อของเขาที่ได้มีปัญหากับอเมริกาแต่ทางด้านลูกของเขานั้นก็ได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราและได้ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยสำหรับในการแต่งงานของเขาก็ได้ใช้เงินในงบประมาณประเทศไปถึงประมาณ5ดอนลาร์สหรัฐในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะต้องทุกข์ทนกับความยากจนและได้นำไปสู่ความมรุ้ก็คือในการขับไล่พวกเขาจึงต้องทำให้เขานั้นจะต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศษก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศเฮติอีกครั้ง

นายJean Claude Duvalierก็ได้ถูกตำรวจจับกุมและโดยดำเนินคดีในหลายข้อหาทั้งทุจริตคอรัปชั่นการละเมอสิทธิชนโดยกลุมมนุษย์สิทธิชนในหลายกลุ่มได้กล่าวหาว่าได้มีนักโทษทางการเมืองหลายคนได้ถูกทรมานในสมัยการปกครองของพ่อของเขาแต่อย่างไรก็ตามเขาก้ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้วและในเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาและในที่สุดเขานั้นก็ได้เสียชีวิยลงอย่างสงบ

Slobodan Milosevic

สำหรับจำนวนเงินที่ได้โกงคือ1,000ล้านดอนลาร์เขาได้เกิดที่ประเทศเซอร์เบียในปี 1941ได้ศึกษาจบทางด้านกฏหมายจากมหาวิทยาลัยบิวเกลSlobodan Milosevicได้มีฐานะการงานที่มั่นคงก่อนที่ตัวของเขานั้นจะก้าวเข้าสู่วงการเมืองอย่างเป็นทางการเริ่มจากตำแหน่งผู้บริในบริษัทพลังงานแห่งชาติและธนาคารในแบวเกรดจึงทำให้เขาได้มีโอการที่จะได้เดินทางไปยังต่างประเทศอยู่บ่อยครั้งเช่นเดียวการฝึกทัศษะภาษาอังกฤษในตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งเซอร์เบียและสหพันธรัฐยูโกสลาเวีย

และยังได้เป็นพรรคผู้นำทางสังคมนิยมเซอร์เบียSlobodan Milosevicก็ได้มีนโบายชาตินยมมากเป็นผู้นำชาวเซิฟที่ได้มุ่งมั่นสร้างชาติให้เซอร์เบียได้ยิ่งใหญ่โดยการรวมตัวของเซิฟในดินแดนต่างๆเข้ามาเป็นประเทศเดียวกันและก่อนที่เขานั้นจะได้รับตำแหน่งและได้มีหลายกระบวนการเคลื่อนไหวและกำลังที่จะพยายามที่จะแยกตัวออกไปเป็นเอกราชของสาธารณรัฐต่างๆSlobodan Milosevicก็ได้แก้ไขเรื่องราวเหล่านี้

ด้วยความรุนแรงโดยเฉพาะในการทำสงครามกับชาวบอสเนีย ซึ่งได้เป็นกลุ่มที่ใหญ่ของประเทศเพื่อยึดครองพื้นที่และดินแดนจากชาวมุสลิมจนในสถานะการได้บาลปลายได้มีผู้ที่สูญหายและเสียชีวิตมากกว่า2,5000คนและในประชาชนอีกประมาณ2ล้านคนกลายเป็นผู้อพยพที่พัดถิ่นสหประชาชาติจึงได้ร้องขอให้นาโต้ส่งกล้องกำลังทหารเข้าไปเพื่อกดดันให้มีการเจรจาสถานะการณ์สงบศึก

 

ขอขอบคุณเว็บ  bk8  ที่ให้การสนับสนุน